“มนพร”ขับเคลื่อน ขสมก.
สั่งปรับปรุงท่าปล่อยรถเมล์ทั่วกรุง
ยกระดับบริการสู่ “ราชรถยิ้ม”-หนุนใช้รถไฟฟ้า
“มนพร” สั่ง ขสมก. ปรับปรุงท่าปล่อยรถเมล์พื้นที่ทั่วกรุง ยกระดับบริการขนส่งสาธารณะ ตามโครงการ”ราชรถยิ้ม ” และส่งเสริมการใช่รถไฟฟ้า ให้อากาศสะอาด
รมช. คมนาคม ย้ำผู้ให้บริการต้องมีความสุขและมีรอยย้ำในการทำงาน ผู้โดยสารนั่งรถเมล์ใจกลางกรุง อนุสาวรีย์ชัยฯ หนาแน่น 35 เส้นทาง 2 แสนคนต่อวัน สั่ง ขสมก. ปรับปรุงท่าปล่อยรถเมล์พื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ยกระดับบริการขนส่งสาธารณะ พร้อมเร่งสรรหาบอร์ด คาดเสร็จต้นปี 67 ขับเคลื่อนจัดหารถเมล์ไฟฟ้า 2,013 คัน
ที่เกาะพหลโยธิน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ดร.มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการคมนาคม ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานและมอบนโยบายแก่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยตรวจเยี่ยมพื้นที่บริเวณ รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตรวจเยี่ยมพนักงาน การให้บริการ ท่าจอดรถ ป้อมปล่อยรถ ศาลาที่พักผู้โดยสาร จากนั้นขึ้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวจากอนุสาวรีย์ชัยฯ ไปลงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เพื่อขึ้นรถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) ของ ขสมก. จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ไปลงอู่บางเขน เขตการเดินรถที่ 1 โดยมี นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม, นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. พร้อมด้วยพนักงานร่วมเดินทางและให้การต้อนรับ
ดร.มนพร กล่าวว่า ลงพื้นที่ตรวจการให้บริการรถเมล์ ขสมก. บริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ เพราะอนุสาวรีย์ชัยฯ ยังเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างรถตู้โดยสารและรถไฟฟ้าบีทีเอสด้วย โดยปัจจุบันมีรถเมล์ ให้บริการรวม 35 สายทาง ให้บริการ 6,500 เที่ยววิ่งต่อวัน มีผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ยประมาณ 200,000 คนต่อวัน จากจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการรถ ขสมก. อยู่ที่ 700,000 คนต่อวัน โดยทั้ง 3 ระยะ อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล และงบประมาณดำเนินการ ซึ่งอาจมีการพิจารณาในระยะเร่งด่วน อาทิ การนำระยะที่ 1 และ 2 รวมกัน จำนวน 1,244 คัน เพื่อจัดหารถเมล์ไฟฟ้าได้รวดเร็วขึ้น และประหยัดค่าซ่อมบำรุง หากได้ข้อสรุปแล้ว จะนำเสนอบอร์ดให้พิจารณาตามความเหมาะสม
นอกจากนี้ยังพบว่า จุดบริการรถเมล์บริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ มีป้อมให้บริการปล่อยรถเมล์พบสภาพทรุดโทรม มีการใช้งานมาไม่กว่า 20 ปี ไม่เอื้ออำนวยต่อการให้บริการ เพราะประชาชนมักจะสอบถามเส้นทางรถเมล์อยู่ประจำ รวมทั้งขาดแคนเครื่องมือที่ใช้ในการทำงานเวลากลางคืนไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง ทำให้พนักงานทำงานอย่างยากลำบาก จึงสั่งให้ ขสมก. ร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) และภาคเอกชนที่บริหารพื้นที่ พร้อมทั้งสั่งให้ ขสมก. สำรวจป้อมปล่อยรถเมล์ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ว่ามีอยู่กี่แห่ง เพื่อที่จะจัดทำแผนของบประมาณในการซ่อมบำรุงรักษา เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการเพื่อให้พนักงานได้มีความปลอดภัยและบริการประชาชนด้วยรอยยิ้ม ตามโครงการ “ราชรถยิ้ม” พนักงานมีความสุข มีความปลอดภัย ประชาชนผ็ใช้บริการก็มีความสุขเช่นกัน ดร.มนพร กล่าว
นอกจากนี้มีแผนให้ ขสมก. ดำเนินการพัฒนาพื้นที่อู่รถเมล์ให้เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ 2 แห่ง คือ อู่บางเขนและอู่มีนบุรี ซึ่ง ขสมก. จะต้องไปศึกษารูปแบบถึงแผนในการดำเนินการต่อไป เพื่อหารายได้ให้องค์กร รวมทั้งจัดเดินรถเมล์ให้เป็นระบบฟีดเดอร์ เพื่อนำรถเมล์ขนส่งผู้โดยสารเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าและเรือ เพื่อให้เกิดการเดินทางเชื่อมโยงกันแบบไร้รอยต่อ
Social Links