มหาวิทยาลัยกำลังมีปัญหา
สุทธิชัย ทักษนันต์
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา และน่าจะเป็นปัญหากับการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยทั่วโลก
-ชาวอเมริกันที่เคยเชื่อกันว่ามหาวิทยาลัย “สำคัญมาก” ลดลงจาก 75% เหลือ 35% ในเวลา 15 ปี ในขณะที่ “ไม่ค่อยสำคัญ” เพิ่มขึ้นถึงห้าเท่าเป็น 24%
-ค่าเล่าเรียนเพิ่มขึ้น 899% ตั้งแต่ปี 1983 ทำให้ผู้กู้ยืม 42 ล้านคนแบกหนี้ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ รองจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยเท่านั้น
-บัณฑิตจบใหม่ในปัจจุบันคิดเป็นหนึ่งในสามของผู้ว่างงานระยะยาว เพิ่มขึ้นจากหนึ่งในห้าเมื่อทศวรรษที่แล้ว
-ตำแหน่งงานที่ต้องการปริญญาลดลง 6% นับตั้งแต่ปี 2019
คำแนะนำสำหรับนักศึกษาและพ่อแม่ว่า…ควรรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร?
ถ้าได้เรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีชื่อเสียง โอกาสดีๆในตลาดแรงงานยังดีอยู่
นายจ้างกำลังตื่นตัวว่าปริญญาไม่ได้แสดงว่าทำงานเป็น แม้แต่บริษัทชั้นนำของโลกอย่าง Google, Apple, IBM ก็ลดความต้องการคนจบปริญญา ใครจะได้งานทำจริงต้องผ่านการทดสอบของบริษัทนั้นๆ ใครที่มีทักษะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทได้จริง จะมีงานทำตลอดไป
การเรียนรู้ในสมัยนี้ต้องพึ่งพา AI เพราะเป็นครูและติวเตอร์ที่ดีที่สุด ผลการศึกษาพบว่าการเรียนรู้กับ AI ที่ทำได้แบบตัวต่อตัว ทำให้เรียนรู้เร็วขึ้น 5-10 เท่าเมื่อเทียบกับการเรียนแบบดั้งเดิม ระบบการสอนที่บรรยายให้นักศึกษาพร้อมกันคราวละ 300 คนกำลังกลายเป็นอดีต
การมีปริญญายังจำเป็นสำหรับหลายสาขาอาชีพ เช่น แพทย์ วิศวกร นักกฎหมาย นักวิจัย
Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า “หากคุณเป็นช่างไฟฟ้า คุณเป็นช่างประปา ช่างไม้ เราจะต้องการพวกเขาหลายแสนคนเพื่อสร้างโรงงานทั้งหมดเหล่านี้” นั่นหมายความว่าการเรียนในสาขาวิชาชีพหลายด้านยังมีอนาคต
มหาวิทยาลัย ไม่ใช่แค่เข้าไปเอาความรู้ แต่เป็นแหล่งสร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกันมักจะช่วยค้ำจุนกัน
สิ่งที่เป็นเรื่องยากแต่มหาวิทยาลัยทุกแห่งต้องทำอย่างเร่งด่วน คือ ปรับหลักสูตรให้ทันตลาดแรงงานที่เปลี่ยนไป และเน้นการมีสังคมระหว่างนักศึกษามากขึ้น
ถ้าต้องกู้เงินเพื่อให้ได้เรียนมหาวิทยาลัย ต้องคิดให้รอบคอบ ตรวจดูความคุ้มค่ารอบด้าน
เมื่อหางานทำยากขึ้น ต้องคิดถึงหรือผันตัวเองมาเป็นผู้ประกอบการเองมากขึ้น
อนาคตอาจไม่ใช่ “ไม่ต้องเรียนมหาวิทยาลัย” แต่เป็น “เรียนแบบผสมผสานที่หลากหลายกว่า” แทน
THAI
Social Links