รัฐธรรมนูญมีปัญหา เพราะมนุษย์ทำให้เกิด??
ในจำนวนที่มีผู้ไปยื่นขอจดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองใหม่ในระยะเวลา 7 วันแรกมีเกือบ 60 พรรคการเมือง ซึ่งวันที่ 1 เม.ย. นี้จะหมดเวลาการจัดตั้งพรรคใหม่ก็อาจมีถึง 100 พรรคการเมืองใหม่ก็ได้
มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ก่อนหน้านี้ว่าให้จับตาดูพรรคการเมืองใหม่ว่าจะมีการใช้ชื่อ “ประชารัฐ” และ “ประชานิยม” ตามนโยบายของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะเป็นชื่อที่ถูกโฉลกกับ “บิ๊กตู่” !?!
และแล้วความจริงก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้คือมีผู้มีขอยื่นจดทะเบียนพรรคการใหม่ใช้ชื่อคำว่า “ประชารัฐ” 2 พรรค โดยมีการเติมชื่อหน้าและหลังแตกต่างกันคือ “พรรคพลังประชารัฐ” และ “พรรคประชารัฐยั่งยืน”
ส่วนชื่อ “ไทยนิยม” ที่ “บิ๊กตู่” ตั้งใจแน่วแน่จะปลุกระดมสมองคนไทยทุกคนให้ซึมซับว่าคืออะไร โดยเฉพาะ “ประชาธิปไตยไทยนิยม” ที่ท่านผู้นำตู่พูดย้ำตลอดเวลา!! แต่จนถึงบัดเดี๋ยวนี้ ไม่มีใครขอจดแจ้งใช้ชื่อพรรคไทยนิยม ไม่รู้ว่าใกล้วันปิดขอจัดตั้งพรรค จะมีใครจดแจ้งชื่อที่มีคำว่า "ไทยนิยม" สนองเจตนารมณ์ "ลุงตู่" หรือไม่
แม้ว่าความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองที่ขอตั้งใหม่ยังไม่ได้เดินหน้าทำกิจกรรมทางการเมือง เพราะถูก “ล็อก” เอาไว้ ต้องขออนุญาต คสช.ก่อนถึงจะประชุมกันได้!!
สำหรับ “พรรคประชาชนปฏิรูป” ที่เคยประกาศก่อนตั้งพรรคและหลังจดตั้งพรรคใหม่ ก็ได้ตอกย้ำว่าสนับสนุน “บิ๊กตู่” เป็นนายกรัฐมนตรี “คนนอก” ไม่เปลี่ยนแปลง
ส่วน “พรรคพลังประชารัฐ” เข้าใจโปรโมทพรรคให้โด่งดังให้เป็นที่รู้จักกันถ้วนหน้า ด้วยการจงใจปูดข่าวออกมาว่า “บิ๊กตู่” จะเข้ามาเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค!!
สาเหตุที่ “พรรคพลังประชารัฐ” กล้าออกข่าวแปะชื่อ “บิ๊กตู่” เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ก็เพราะผู้ที่ร่วมก่อตั้งพรรคเป็นนายทหารเพื่อนร่วมรุ่นของ “บิ๊กตู่” นั่นเอง!!
แต่ทว่า “บิ๊กตู่” ไม่ได้ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ โดยปฏิเสธที่จะตอบข้อสงสัยนี้ เพื่อให้ประชาชนได้กังขาต่อไปจนกว่าความจริงจะปรากฏ!?!
เรื่องของเรื่องก็เลยมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันแซ่ดไปทั่วบ้านทั่วเมืองว่า “บิ๊กตู่” ยังนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอยู่ในเวลานี้ จะขยับก้นไปนั่งในตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐได้หรือ??
ในที่สุดปัญหานี้ได้เคลียร์ชัดเจนจาก ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ปรมาจารย์ด้านกฎหมายเมืองไทย ได้ยืนยันว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ไม่ได้ห้ามไว้ว่าเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคการเมืองไม่ได้
ก็ขอให้เรา ๆ ท่าน ๆ โปรดรับทราบกันแม่น ๆ ว่า ถ้า“บิ๊กตู่” จะไปเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคการเมืองจริง ก็ไม่ขัดรัฐธรรมนูญแต่ประการใด
อา..แต่ที่จะเป็นเรื่องขัดรัฐธรรมนูญ ก็คือ “ซือแป๋มีชัย ฤชุพันธุ์” ประธานคณะกรครมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้จุดประเด็นให้ปะทุขึ้นมาร้อน ๆ ว่า บางประเด็นในกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.กับ ว่าด้วยซึ่งที่ได้มา ส.ว. ที่มือของ สนช.แทบทั้งหมดได้ยกให้ผ่านไปอย่างสะดวกโยธินอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ
มิฉะนั้นหลังเลือกตั้งแล้ว อาจมีท่างผู้ทรงเกียรติที่หัวหมอชงเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ถ้าวินิจฉัยแล้วว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็จะทำให้กระบวนการล้มทั้งหมด จะต้องนับหนึ่งใหม่!!
ขออนุญาตนำประเด็นร้อน ๆ เข้าบรรยากาศหน้าร้อนสุด ๆ ในเวลานี้มาบอกย้ำซ้ำให้ซึมซับรับรู้ เพื่อทุก ๆ ท่านจะได้ฉุกคิดวิเคราะห์กันว่า ขัดต่อรัฐธารรมนูญตามที่ท่านประธาน กรธ.เป็นห่วงกังงลที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าหรือเปล่า??
กฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ กรธ.เห็นว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญมีอยู่ 2 ข้อที่ สนช.ได้แปลงร่างที่ทำให้เกิดปัญหา ก็คือ
1. ให้ตัดสิทธิผู้ที่ไม่ไปลงคะแนนเลือกตั้ง ไม่มีสิทธิที่ดำรงตำแหน่งข้าราชการทางการเมือง ผู้บริหารท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งไม่ใช่เป็นการตัดสิทธิและเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลที่ไม่สามารถตัดเสรีภาพได้
2.ให้เจ้าหน้าที่สามารถช่วยกาหมายเลขให้แก่คนพิการในคูหาเลือกตั้งได้ ซึ่งวิธีการดังกล่าวไม่ใช่เป็นการลงคะแนนลับตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
ส่วนกฎหมายลูกว่าด้วยซึ่งที่ได้มาของ ส.ว. นั้น ประธาน กรธ.มีความวิตกจริงเพียงประเด็นเดียว คือ สนช.ได้มีการแก้ไขแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือสมัครอิสระเอง และองค์กรทุกจังหวัดส่งตัวแทนมาให้คัดเลือก แล้วให้เลือกกันเอง ผิดกับหลักการของรัฐธรรมนูญที่ได้กำหนดให้ผู้สมัคร ส.ว.เลือกไขว้กันเอง
ด้วยเหตุฉะนี้จึงร้องขอให้ สนช.เข้าชื่อกันตามกติกาของรัฐธรรมนูญยื่นปัญหาให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าขัดหรือไม่ขัดรัฐธรรมนูญ??
แต่ทว่า สนช.จำนวน 30 คนเข้าชื่อตามใจ “ซือแป๋มีชัย” ที่มีความกังวลเพียงกฎหมายลูกฉบับเดียว คือ กฎหมายว่าด้วยซึ่งได้มาของ ส.ว. ยื่นผ่านประธาน สนช.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ส่วนกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ยื่นให้เหตุผลว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญตามที่ “ท่านมีชัย” ข้องใจ
การยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความครั้งนี้ มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของฝ่ายการเมืองกันเซ็งแซ่ว่า เป็นทฤษฎีสมคบคิดในการวางแผนให้มีการสับสนที่ต้องการยื้อเลือกตั้งจากที่ได้กำหนดไว้ไม่เกินเดือน ก.พ.62 ออกไปอีก??
ท่านประธาน สนช. ได้ออกมายืนยันว่าการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความกฎหมาย ส.ว. นั้นไม่กระทบโรดแม็พเลือกตั้งไม่เกินเดือน ก.พ.62
เพราะศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาในการพิจารณากฎหมาย ส.ว.ประมาณ 30-90 วัน เป็นเวลาไล่เลี่ยกันกับกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ที่มีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 90 วัน ก็อยู่ในช่วง 150 วันตามรัฐธรรมนูญที่ต้องจัดการเลือกตั้ง ดังนั้นโรดแม็พจึงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง!!
อา..คำยืนยันจากประธาน สนช. และ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ นักกฎหมายมือ 1 ของประเทศที่บอกว่าไม่ทำให้โรดแม็พต้องเลื่อนไปแต่อย่างไร??
ทำให้ฝ่ายการเมืองไม่ค่อยเชื่อคำยืนยัน เพราะโรดแม็พเลือกตั้งเลื่อนแล้วเลื่อนอีกจากอภินิหารทางกฎหมายที่ปรากฏขึ้น แล้วทำไมถึงทำอภินิหารให้ออกฤทธิ์เดชมาเลื่อนไปเรื่อย ๆ อีกไม่ได้
ปัญหาที่เกิดเรื่องยุ่ง ๆ ของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ ไม่ใช่เกิดจากตัวรัฐธรรมนูญเอง หรือเกิดจากประชาชนทั้งประเทศ แต่เป็นเพราะเกิดจากมนุษย์ทั้งสิ้น!?!
มนุษย์ที่เป็นคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ได้บรรจงร่างให้มีความพิศดารพันลึก และมนุษย์ผู้ทรงเกรียติ สนช.ก็ดัดแปลงแก้ไขเนื้อหาให้ยิ่งมีความพิศดารมากขึ้น
อะไรที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติทางการเมือง เรื่องผิดธรรมชาติก็ผุดโผลขึ้นมาให้อลเวงวุ่นวายสะเทือนถึงชาติบ้านเมือง??
กัมมุนา วัตตตี โลโก กุ๊ก กุ๊ก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม อะไรจะเกิดมันก็เกิด!!
ปลงเสียเถิดนะออเจ้า!!
นายจักรยาน
Social Links