“ลอรีอัล”โชว์ยอดโตแกร่ง!พุ่งเลขสองหลัก
……………………………………………..
-ยอดขาย: 3.057 หมื่นล้านยูโร เพิ่มขึ้น 12.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดขายในไตรมาสที่ 3: เพิ่มขึ้น 11.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการทำผลงานได้เหนือกว่าตลาดผลิตภัณฑ์ความงามโลกอย่างต่อเนื่อง
-เติบโตต่อเนื่องทั้งปริมาณและมูลค่า
-เติบโตในทุกแผนก นำโดยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง2 และแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค
-เติบโตเลขสองหลักในทุกภูมิภาค ยกเว้นเอเชียเหนือ เนื่องจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งกว่าตลาดในจีนแผ่นดินใหญ่และญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากธุรกิจค้าปลีกท่องเที่ยว ขณะที่ยุโรปและตลาดเกิดใหม่มีผลการดำเนินงานน่าประทับใจมาก
-เติบโตเลขสองหลักอย่างสมดุลเป็นอย่างมากทั้งออฟไลน์และออนไลน์
-เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ Aēsop เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม
-จัดตั้งกองทุนฉุกเฉินลอรีอัลสู้ภัยสภาพภูมิอากาศ (L’Oréal Climate Emergency) มูลค่า 15 ล้านยูโร เพื่อช่วยชุมชนที่เปราะบางในการเตรียมความพร้อมและฟื้นตัวจากภัยพิบัติทางสภาพภูมิอากาศ
-ได้รับเหรียญแพลทินัมจากอีโควาดิส (EcoVadis Platinum Medal) ด้วยคะแนน 83/100 ซึ่งลอรีอัลอยู่ในกลุ่มบริษัท 1% แรกที่มีผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมดีที่สุดในโลก
………………………………………
นายนิโคลา ฮิโรนิมุส (Nicolas Hieronimus) ซีอีโอของลอรีอัล กรุ๊ป แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลประกอบการว่า
“ผมภูมิใจมากกับผลการดำเนินงานของทีมงานในช่วง 9 เดือนแรก ตลาดความงามยังคงคึกคักมาก และลอรีอัลสามารถทำผลงานได้เหนือกว่าตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำระดับโลกของเรา
แม้ว่าตลาดความงามในจีนแผ่นดินใหญ่จะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจค้าปลีกท่องเที่ยว (Travel Retail) ในเอเชีย แต่ลอรีอัลยังคงรักษาอัตราการเติบโตในระดับเลขสองหลัก1 เอาไว้ได้ และเราทำเช่นนั้นได้เพราะการดำเนินงานที่ครอบคลุมกว้างขวางในระดับภูมิภาค แผนงานพัฒนานวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จ และความคล่องตัวในการจัดสรรการลงทุนอย่างรวดเร็วไปยังพื้นที่ที่เรามองเห็นการเติบโตสูงสุด
ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง เรายังคงเชื่อมั่นในความสามารถของเราที่จะรักษาผลการดำเนินงานได้เหนือตลาด พร้อมทั้งบรรลุเป้าหมายการเติบโตของยอดขายและผลกำไรได้อีกครั้งในปี 2566 เรามีมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดความงาม และยังคงมุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่จุดหมายสำหรับอนาคต”
สรุปผลการดำเนินงานตามแผนก
ผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ
ในช่วง 9 เดือนแรก แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ (Professional Products Division) เติบโตขึ้น 8.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพเติบโตเร็วต่อเนื่องไตรมาสต่อไตรมาส และยังคงเติบโตแข็งแกร่งกว่าตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีนแผ่นดินใหญ่ อินเดีย และสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ผู้บริโภคยังคงต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมระดับพรีเมียมเพื่อตอบสนองกิจวัตรประจำวันที่พิถีพิถัน และด้วยเทรนด์นี้ เคเรสตาส (Kérastase) จึงประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับมากขึ้นเรื่อย ๆ
ผลิตภัณฑ์อุปโภค
แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค (Consumer Products Division) มีผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนที่ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคทำผลงานแข็งแกร่งกว่าตลาดที่ยังคงคึกคักไม่หยุดนิ่ง และสร้างความก้าวหน้าอย่างสมดุลระหว่างออฟไลน์กับออนไลน์ และระหว่างมูลค่ากับปริมาณ
ภูมิภาคที่มีส่วนผลักดันการเติบโตมากที่สุด คือ ยุโรป ด้วยโมเมนตัมที่ยังคงน่าประทับใจ เช่นเดียวกับตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะเม็กซิโก บราซิล และอินเดีย ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นเป็นพิเศษ
นวัตกรรมพลิกโฉมและเพิ่มมูลค่า ควบคู่ไปกับกิจกรรมกระตุ้นยอดขายที่ประสบความสำเร็จ ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตในระดับเลขสองหลักในทุกแบรนด์และทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก
ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง
ในช่วง 9 เดือนแรก แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง (L’Oréal Luxe) เติบโตเพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ในไตรมาสที่ 3 แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงเติบโตขึ้นในระดับเลขสองหลักทั่วทุกภูมิภาค ยกเว้นธุรกิจค้าปลีกท่องเที่ยวในเอเชีย ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับ Daigou (ไต้โก้ว) หรือผู้รับหิ้วสินค้าจากต่างประเทศ อย่างไรก็ดี แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงยังคงสร้างผลงานเหนือตลาดอย่างมีนัยสำคัญและคว้าส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ในตอนแรก
ผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำหอมทำผลงานโดดเด่นอีกครั้ง โดยได้แรงหนุนจากความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของ พาราต็อกซ์ (Paradoxe) โดย พราด้า (Prada) และ บอร์น อิน โรมา (Born In Roma) โดย วาเลนติโน (Valentino) รวมถึงผลิตภัณฑ์เด่นระดับโลกอย่าง ลิเบรอ (Libre) โดย อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ (Yves Saint Laurent) และ ลา วี เอ แบลล์ (La Vie Est Belle) โดย ลังโคม (Lancôme)
ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง
แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางเติบโตอย่างโดดเด่น 28.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางรักษาโมเมนตัมที่แข็งแกร่ง โดยยังคงทำผลงานเหนือกว่าตลาดที่มีพลวัตสูงมากได้อย่างต่อเนื่อง ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากแบรนด์ต่าง ๆ ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ตลอดจนยอดขายผลิตภัณฑ์ตามคำแนะนำของแพทย์ซึ่งทางแผนกครองความเป็นผู้นำมาอย่างยาวนาน
ลาโรช-โพเซย์ (La Roche-Posay) ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ผลักดันการเติบโตอันดับหนึ่ง ยังคงรักษาแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากผลิตภัณฑ์หลักของแบรนด์อย่าง เอฟฟาคลาร์ (Effaclar) ซิคาพลาส (Cicaplast) และยูวีมูน 400 (UVmune 400) ในขณะที่ เซราวี (CeraVe) บรรลุอัตราการเติบโตในระดับเลขสองหลักปลาย ๆ ทั้งในอเมริกาเหนือและภูมิภาคอื่นทั่วโลก วิชี (Vichy) เติบโตเร็วขึ้นด้วยแรงหนุนจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เดอคอส (Dercos)
สรุปผลการดำเนินงานตามของภูมิภาค SAPMENA-SSA
ภูมิภาค SAPMENA-SSA3 มีผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่น 23.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ในเอเชียแปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ (SAPMENA) ที่ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งนั้น ลอรีอัลยังคงเติบโตในระดับเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากทั้งปริมาณและมูลค่า
ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์และทุกแผนกต่างมีส่วนผลักดันการเติบโต นำโดยผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ซึ่งได้รับแรงหนุนจากแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค และแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางซึ่งมี เซราวี เป็นผู้นำ ผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องสำอางฟื้นกลับคืนสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาด ขณะที่น้ำหอมมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกแบรนด์และทุกประเทศ โดยทุกประเทศในภูมิภาครายงานการเติบโตในระดับเลขสองหลักเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน นำโดยสามอันดับแรก ได้แก่ ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ อินเดีย และไทย
ขณะที่ในแอฟริกาใต้ซาฮารา (SSA) มีผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่นครอบคลุมทุกประเทศ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ พบว่า ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางเติบโตได้อย่างยอดเยี่ยม
“ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขาย หรือการชักชวนให้ซื้อหุ้นของลอรีอัล หากคุณต้องการได้รับข้อมูลที่ครอบคลุมมากขึ้นเกี่ยวกับลอรีอัล โปรดอ้างอิงเอกสารเผยแพร่ภาษาฝรั่งเศสที่จดทะเบียนกับสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฝรั่งเศส (Autorité des Marchés Financiers) และเอกสารภาษาอังกฤษบนเว็บไซต์ของเราที่ www.loreal-finance.com
…………………………
เกี่ยวกับลอรีอัล กรุ๊ป
ลอรีอัล กรุ๊ป ในฐานะองค์กรด้านความงามชั้นนำของโลก ทุ่มเทในธุรกิจความงามมายาวนานกว่า 110 ปี เพื่อตอบสนองต่อความปรารถนาด้านความงามของผู้คนทั่วโลก ภายใต้เป้าหมายในการสร้างสรรค์ความงามที่ขับเคลื่อนโลกใบนี้ ลอรีอัลกำหนดทิศทางและมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้านความงามที่ครอบคลุม มีจริยธรรม สร้างความยั่งยืนให้กับสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์อันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งประกอบด้วย 35 แบรนด์ชั้นนำระดับโลก และพันธสัญญาเพื่อความยั่งยืนอย่าง L’Oréal for the Future ลอรีอัลมุ่งมั่นมอบสิ่งที่ดีที่สุดด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความงามอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับผู้คน
ลอรีอัล กรุ๊ป มียอดขายผลิตภัณฑ์ 3.228 หมื่นล้านยูโรในปี 2564 มีผลิตภัณฑ์จัดจำหน่ายผ่านทุกช่องทาง ครอบคลุมถึงอีคอมเมิร์ซ ตลาดทั่วไป ห้างสรรพสินค้า เภสัชกรรมและร้านขายยา ซาลอน ร้านค้าปลีก และร้านค้าในสนามบิน และมีพนักงาน 85,400 คนทั่วโลก ลอรีอัลยึดมั่นในกลยุทธ์ที่สำคัญขององค์กรในการค้นคว้าวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องโดยมีศูนย์วิจัยและพัฒนากว่า 20 แห่งใน 11 ประเทศทั่วโลก พร้อมด้วยทีมงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมมากกว่า 4,000 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีกว่า 3,000 คน คิดค้นและพัฒนาความงามแห่งอนาคต เพื่อก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ชั้นนำด้าน Beauty Tech ต่อไป
ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.loreal.com/en/mediaroom
เกี่ยวกับลอรีอัล ประเทศไทย
ลอรีอัล ประเทศไทย เป็นสาขาของบริษัทผู้นำความงามของโลก นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ระดับสากล ใน 4 แผนกผลิตภัณฑ์
- แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค: ลอรีอัล ปารีส, การ์นิเย่ และ เมย์เบลลีน นิวยอร์ก
- แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง: ลังโคม, ไบโอเธิร์ม, จิออร์จิโอ อาร์มานี, คีลส์, ชู อูเอมูระ, อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ และ อิท คอสเมติกส์
- แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ: ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล และเคเรสตาส
· แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง: ลา โรช-โพเซย์, วิชี่
Social Links