ล่วงละเมิดทางเพศทางออนไลน์:เด็กไม่กล้าพูดความจริง

ล่วงละเมิดทางเพศทางออนไลน์:เด็กไม่กล้าพูดความจริง

ล่วงละเมิดทางเพศทางออนไลน์:เด็กไม่กล้าพูดความจริง

                                ……………………………………………………………………….

           ขาดการรายงานเหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศและแสวงหาประโยชน์ทางเพศต่อเด็กทางออนไลน์ในประเทศไทย มีเด็กเพียง 1-3% ที่รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตำรวจ

                “การถามปากคำเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ฉันถูกล่วงละเมิดทางเพศทางออนไลน์ เกิดขึ้นตรงโต๊ะรับแจ้งความในสถานีตำรวจ มีคนอยู่บริเวณนั้นประมาณ 10 คน รวมทั้งตำรวจชาย 2 นายและเพื่อนของฉัน 5 คน” – เด็กผู้เสียหายจากการถูกแสวงหาประโยชน์ทางเพศและการล่วงละเมิดทางเพศทางออนไลน์

                                ………………………………………………………………………..

                นวัตกรรมงานวิจัยนำเสนอโดยองค์การเอ็คแพท องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (หรืออินเตอร์โพล) และศูนย์วิจัยอินโนเซนติขององค์การยูนิเซฟ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโครงการความปลอดภัยทางออนไลน์ของพันธมิตรระดับโลกเพื่อยุติความรุนแรงต่อเด็ก Disrupting Harm ในประเทศไทย เป็นรายงานอิงหลักฐานซึ่งนำเสนอเค้าโครงของความจริงที่เจ็บปวดของการแสวงหาประโยชน์ทางเพศและการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางออนไลน์ในประเทศไทย

            ข้อค้นพบที่สำคัญในรายงาน Disrupting Harm ในประเทศไทย รวมถึงประเด็นต่อไปนี้:

                ●             เด็ก และผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กไม่แจ้งเหตุการล่วงละเมิดทางเพศทางออนไลน์

                ○             ในปีที่ผ่านมา 10-31%ของเด็ก (อายุ 12 – 17 ปี) ซึ่งถูกแสวงประโยชน์และล่วงละเมิดทางเพศทางออนไลน์มิได้เปิดเผยประสบการณ์ลักษณะดังกล่าวของตนต่อผู้ใด

                ○             มีผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กที่เข้าร่วมการสำรวจเพียง 17% ที่กล่าวว่าพวกเขาจะแจ้งตำรวจหากลูกของตนประสบกับการลวนลามทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ หรือการแสวงหาประโยชน์ทางเพศทางออนไลน์

                ●             การล่วงละเมิดและแสวงหาประโยชน์ทางเพศทำให้เด็กตกอยู่ในประสบการณ์ที่น่ากลัว แต่ทำไมพวกเขาจึงไม่รายงานเหตุการณ์ดังกล่าว?

                ●             เด็กๆ กล่าวว่าอุปสรรคสำคัญที่ทำให้พวกเขาไม่เปิดเผยสถานการณ์ที่พวกเขาประสบคือ พวกเขาไม่รู้ว่าจะบอกใครหรือจะไปบอกที่ไหน

                ○             47% ของเด็กที่เข้าร่วมการสำรวจกล่าวว่าพวกเขาไม่รู้ว่าจะขอความช่วยเหลือได้จากที่ไหน หากตนเองหรือเพื่อนๆ ถูกคุกคามหรือลวนลามทางเพศ

                ●             เด็กพบกับประสบการณ์เช่นไรเมื่อรายงานเหตุดังกล่าว? ประสบการณ์ที่เด็กบางคนได้รับคือความรู้สึกอับอาย ถูกตำหนิ และความรู้สึกที่ทำให้พวกเขาไม่ต้องการพูดหรือเปิดเผยเรื่องราว

                ○             จากการสัมภาษณ์เด็กผู้เสียหาย เด็กบางคนรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้ถูกมองว่าเป็นผู้เสียหาย แต่เป็นผู้รับผิดชอบต่อการล่วงละเมิดทางเพศและการแสวงหาประโยชน์ทางเพศทางออนไลน์ซึ่งพวกเขาต้องกล้ำกลืนฝืนทน และเด็กๆ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าพวกเขาเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายและสาธารณชนมีมุมมองเช่นนั้นต่อพวกเขา

                ○             ผู้เสียหายยังคงต้องเผชิญหน้ากับผู้กระทำความผิดในศาล เด็กๆ ที่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีเล่าถึงความทุกข์ทรมานใจ ที่ต้องนั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดีและเผชิญหน้ากับผู้กระทำความผิด

                ○             แม้ว่ากระบวนการที่เป็นมิตรกับเด็ก เทคนิคการสืบสวนสอบสวนที่มีผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง และการระบุตัวผู้เสียหายได้ถูกกำหนดให้เป็นมาตรฐานแนวปฏิบัติในประเทศไทยแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ใช้แนวปฏิบัติดังกล่าวเสมอไป

                ●             ในปีที่ผ่านมาเพียงปีเดียว พบว่า 9% ของเด็กที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย อายุ 12-17 ปี (เด็กประมาณ 400,000 คน) ตกเป็นผู้เสียหายจากการถูก แสวงประโยชน์และละเมิดทางเพศทางออนไลน์

                ○             ซึ่งรวมถึงการแบล็คเมลเด็กให้เข้าร่วมกิจกรรมทางเพศ การส่งต่อภาพทางเพศของพวกเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการข่มขู่เด็กให้เข้าร่วมกิจกรรมทางเพศโดยสัญญาว่าจะได้รับเงินหรือสิ่งของเป็นการตอบแทน เมื่อขยายสถิติดังกล่าวไปสู่ประชากรของประเทศ พบว่าเด็ก ตกอยู่ในอันตรายเหล่านี้ในช่วงระยะเวลาเพียง 1 ปี

                ○             7% ของเด็กอายุ 12 – 17 ปี ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ระบุว่าในปีที่ผ่านมาพวกเขาได้รับข้อเสนอเป็นเงินหรือสิ่งของเพื่อแลกเปลี่ยนกับการพบกับบุคคลและร่วมกิจกรรมทางเพศ ในจำนวนเด็กที่ได้รับข้อเสนอดังกล่าว 76% กล่าวว่าพวกเขาได้รับการติดต่อผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่จากทวิตเตอร์ ตามด้วยเฟซบุ๊ก และติ๊กต๊อก

                ○             ในปีที่ผ่านมา 7% เคยได้รับข้อเสนอเป็นเงินหรือสิ่งของเพื่อแลกเปลี่ยนกับภาพทางเพศ โดย 84% ของข้อเสนอดังกล่าวได้รับผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ — เฟซบุ๊ก หรือเฟซบุ๊ก เมสเซนเจอร์

                ○             ในปีที่ผ่านมา 10% ถูกชักชวนให้พูดคุยเกี่ยวกับเพศหรือกิจกรรมทางเพศกับบุคคลที่พวกเขาไม่ต้องการพูดคุยเรื่องดังกล่าวด้วย 70% ของเด็กเหล่านี้กล่าวว่าพวกเขารู้สึกไม่ดีกับประสบการณ์ที่ได้รับดังกล่าว โดยความรู้สึกที่พบเป็นส่วนใหญ่คือ รู้สึกผิด กลัว หงุดหงิด และทุกข์ใจ

                ○             โดยส่วนมากแล้วผู้กระทำความผิดเป็นบุคคลที่เด็กรู้จัก ส่วนบุคคลที่เด็กไม่รู้จักมีเพียงประมาณ 1ใน 5 ของกรณีที่เกิดขึ้น

                Disrupting Harm ในประเทศไทย แนะนำให้มีการดำเนินงานอย่างเร่งด่วนในด้านการศึกษา และส่งเสริมให้ดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ดังนี้:

                ●             รัฐบาลไทยควรแต่งตั้งหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งของรัฐให้เป็นศูนย์กลางในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขการแสวงประโยชน์และล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางออนไลน์ โดยการดำเนินงานดังกล่าวรวมถึงการจัดตั้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เน้นเฉพาะกรณีการแสวงประโยชน์และล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางออนไลน์ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานดังกล่าวเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินงาน พร้อมทั้งจัดให้มีการอบรมด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องแก่พนักงานอัยการ ผู้พิพากษา/เจ้าพนักงานตุลาการศาล ทนายความ เจ้าหน้าที่ศาล เจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็ก บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ส่วนหน้าที่ให้ความช่วยเหลือทางสังคม และครู เพื่อช่วยส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของแต่ละหน่วยงานในกรณีของการแสวงประโยชน์และล่วงละเมิดทางเพศเด็กทางออนไลน์

                ●             ดำเนินการมิให้การพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเพศเป็นสิ่งที่ควรประณาม และดำเนินงานปรับโครงการด้านการศึกษาและการสร้างความตระหนักรู้ที่มีอยู่เกี่ยวกับการแสวงประโยชน์และล่วงละเมิดทางเพศจากเด็ก เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนทั่วไป รวมถึงบทบาทของเทคโนโลยีที่อาจเอื้ออำนวยให้เกิดการแสวงประโยชน์และการล่วงละเมิดดังกล่าว    

                              

…………………………………..

เกี่ยวกับ Disrupting Harm

ในต้นปี พ.ศ. 2562 พันธมิตรระดับโลกเพื่อยุติความรุนแรงต่อเด็ก สนับสนุนเงินทุนจำนวน 7 ล้านดอลล่าร์สหรัฐผ่านทางโครงการความปลอดภัยออนไลน์ เพื่อดำเนินงาน Disrupting Harm ซึ่งเป็นโครงการวิจัยแบบองค์รวมและเป็นนวัตกรรม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจว่าเทคโนโลยีดิจิทัลเอื้ออำนวยต่อการแสวงประโยชน์และการล่วงละเมิดเพศต่อเด็กอย่างไร

โครงการความปลอดภัยออนไลน์สนับสนุนเงินทุนในการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานสามองค์กร – องค์การเอ็คแพท องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (หรืออินเตอร์โพล) และศูนย์วิจัยอินโนเซนติขององค์การยูนิเซฟ ผ่านความร่วมมือ จัดทำวิจัยใน 13 ประเทศ ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกและแอฟริกาใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ งานวิจัยในลักษณะองค์รวมนี้นับเป็นสิ่งใหม่และมีเอกลักษณ์ในการดำเนินงาน โดยมีการพัฒนาระเบียบวิธีวิจัยขึ้นสำหรับการจัดทำวิจัยในทั้ง 13 ประเทศ และสามารถนำไปใช้ในประเทศอื่นๆ ในอนาคตด้วย 

 

You may also like

เปิดตัวดัชนีชี้วัดความปลอดภัยของเด็ก บนโลกออนไลน์ทั้งในระดับชาติและระดับโลก

เปิดตัวด