ศึกชิงเก้าอี้ กทม. ตัวเต็งจะเป็นไปตาม"โพล" หรือ "พลิกล็อก"??
นายจักรยาน
ณ วันนี้ชาวโลกยังคงสนใจเรื่องสงครามรัศเซีย-ยูเครน จะจบลงอย่างไรและเมื่อไหร่
สำหรับประชาชนคนไทยก็ยังให้ความสนใจติดตามการเมืองเรื่องสงครามเช่นเดียวกัน แต่ที่สนใจมากกว่า ณ ขณะนี้คือ ศึกชิงเสาชิงข้าทองคำฝังเพชร ตำแหน่งผู้ว่ากรุงทพมหานคร ที่จะระเบิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2565
แม้ว่าจะเป็นการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นทีชื่อว่า "กรุงเทพมหานคร" แต่ทว่าเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยอันเป็นศูนย์กลางทุกอย่างของบ้านเมือง คนทั้งประเทศจึงจับตาติดตามดูเป็นพิเศษอย่างใกล้ชิด
เพราะผลของการเลือกตั้ง ใครคือ ผู้่ว่า กทม. ย่อมเป็นผลสะเทือนทางการเมืองที่ยุ่ง ๆ ??
ฤกษ์การเปิดรับสมัครวันแรกวันที่ 31 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา มีผู้สมัครเข้ามายื้อแย่งเก้าอี้ผู้ว่า กทม. จำนวน 20 คน
วันที่ 2 ของการเปิดรับสมัครมีผู้กล้าหาญท้าชิงมาลงสู้อีก 5 คน คาดว่าวันปิดรับสมัครจะมีผู้ตะลุมแย่งเก้่าอี้ผู้ว่า กทม. เฉียด ๆ 30 คน หรือเกิน 30 คนนิด ๆ
ปรากฏว่าวันแรกของการเปิดรับสมัคร มีผู้สมัครชิงผู้ว่า กทม.ที่ได้ประกาศตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ ทั้งตัวเก็ง ตัวเกร็ง มาสมัครกันพร้อมหน้าพร้อมตากันครบถ้วน
ใครเป็นใครก็รู้จากทุกช่องทางสื่อต่าง ๆ กันเรียบร้อย
เชื่อว่าทุกทุกช่องทางสื่อจะโฟกัสไปที่การตะลุยหาเสียงของตัวเต็ง 1 เต็ง 2 เต็ง 3 ว่ามีลีลาในการหาเสียงกับชาวกรุงได้ประทับใจอย่างไร
โดยเฉพาะต้วเต็ง 1 "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ผู้สมัครอิสระ ที่เคยสังกัดพรรคเพื่อไทย ที่ยืน 1 จากสำนักโพลมาตลอด นักข่าวแทบทุกสำนักจึงต้องติดตามความเคลื่อนไหวตลอด
ส่่วนตัวเต็งอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น "ดร.เอ้" สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ที่ค่าย ปชป.ส่งเข้าประกวดในความเป็นคนรุ่่นใหม๋ ที่ได้พลั้งเผลอปากไปนับญาติกับ "ไอน์สไตน์" ก็เป็นที่จับตาดูว่าจะแรงกระเตื้องขึ้นมาหรือไม่
อีกคนก็คือ "วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" ผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล ที่ขอท้าชนดะทุกปัญหาของ กทม. ก็ไม่มี่ใครรู้ว่าจะชนเข้าตาคนกรุงหรือไม่
อดีตผู้ว่า กทม. "พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง" ที่ขอขาวกรุงต่ออายุเก้าอี้ กทม.ของตัวเองอีก 4 ปี ว่ามาว่าเป็๋น "ม้ามืด" ที่จะแรงปลายแซงโค้งได้อ้ย่างคาดไม่ถึง ก็เป็นที่จับตาดูของหลาย ๆ ฝ่ายเช่นกัน
ทางด้าน "พรรคไทยสร้างไทย" ของ "เจ๊หน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่สร้างจัดตั้งพรรคขึ้นมาใหม่ ส่งคนสนิทไว้ใจได้ "น.ต.ศิธา ทิวารี" อดีต ส.ส. กทม. มาวิ่งสู้ฟัดเก้าอี้เสาชิงช้า ก็ยังไม่มีโพลไหนสำรวจว่าเป็น "ตัวเต็ง" คนหนึ่งหรือไม่
แต่ที่แน่ ๆ เป็นการโฆษณาชื่อ "พรรคไทยสร้างไทย" ให้คนที้งประเทศได้รู้จักจดจำเอาไว้!!
อดีตรองผู้ว่า กทม. "สกลธี ภัททิยกุล" ได้ลาออกก่อนผู้บังคับบัญชาตัวเอง "ผู้ว่า ฯ อัศวิน" มามะรุมมะตุ้มเพื่อเก้าอี้ กทม.หนึ่งเดียวกับนายเก่าตัวเอง
คนวงการเมืองรู้ดีกันว่า "สกลธี" อยู่ในชบวนการ กปปส.ของ "เทพเทือก" สุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่ง "เทพเทือก" ก็ประกาศสนับสนุนเต็มที่
สำหรับผู้หญิงที่อาสาเข้ามาบริหารเมืองหลวงของประเทศ ก่อนที่จะปิดรับสมัครในวันที่ 4 เมษายน 2565 มีจำนวน 6 คน!!
ทว่าสุภาพสตรีที่ถูกจับตาดูเป็นพิเศษคือ "รสนา โตสิตระกูล"หญิงแกร่งผู้นำภาคสังคมที่คนทั้งประเทศรู้จักบทบาทของเธอเป็นอย่างดี ว่าจะเบียดเสียดเหล่าบรรดาชายตัวเต็งได้หรือไม่
สำหรับผู้สมัครอิสระคนอื่น ๆ ที่เป็นแค่ "ตัวเกร็ง" ก็ต้องลุยหาคะแนนเสียงของตัวเองอย่างเต็มที่ตามสไตล์ของตัวเองแบบใครแบบมัน!!
อา..ขออนุญาตตัดไปที่การเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา ที่เลือกตั้งวันเดียวกับเลือกผู้ว่า กทม.
ประชาชนคนทั้งประเทศไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก นอกจากคนพัทยาเท่านั้น!!
วันแรกมีผู้สมัครชิงเก้าอี้นายกเมืองพัทยา อันเป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลระดับโลกจำนวน 4 คน
ผู้ที่ชาวเมืองพัทยาจับตาดูอย่างใกล้ชิดคือ เบอร์ 1 นายปรเมศร์ งามพิเชษฐ์ "เบียร์" จากทีมเรารักษ์พ้ทยา อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม และเป็นคนที่ อดีตนายกเมืองพัทยา "สนธยา คุณปล้อม" บ้านใหญ่แห่งชฃลบุรีสนับสนุนเต็มร้อย
ส่วนเบอร์ 2 ได้แก่ นายศักดิ์ แดงฮ่อ ผู้สมัครอิสระ ไม่มีทีม เบอร์ 3 คือ นายกิตติศักดิ นิลวัฒนโฒชัย คณะก้าวหน้าพัทยา ที่มี "ธนาธร จึงรุงเรืองกิจ" หัวหน้าคณะก้าวหน้าลุนลุ้นอย่างเต็มสปีด เบอร์ 4 เป็นของ "นายสินไชย วัฒนศาสตร์สาธร จากทีมพัทยาร่วมใจ
กระแสจากเมืองพัทยาว่ามาว่า "เบียร์ ปรเมศวร์" ทีมเรารักษ์พัทยา ของ "บ้านใหญ่" แห่งเมืองชลบุรี มาเต็ง 1
และก็ต้องจับตามองว่า ผู้สมัครของทีมก้าวหน้า จะแซงทุกโค้งได้หรือไม่ เพื่อเป็นไปตามความฝันของ" เสี่ยเอก ธนาธร" ที่ประกาศจะเปลี่ยนแปลงการบริการกาเรมืองท้องถิ่นได้หรือไม่!?!
อ๊ะ อ๊ะ ที่่แน่ ๆ ล้านเปอร์เซ็นต์ก็คือ ผลการเลือกตั้งว่าใครจะครองเก้าอี้นายกเมืองพัทยา ประชาชนได้รับทราบเร็วกว่าผลการเลือกตั้วผู้ว่า กทม.
เพราะคนเมืองพัทยามีน้อยกว่าคนเมืองหลวงหลายสิบเท่าตัว!!
ขออนุญาติเลี้ยวกลับมาถึงศึกสนาม กทม. อีกครั้ง เชื่อว่าอาจมีคนสงสัยว่าทำไมศึกชิงเก้าอี้ผู้ว่า กทม."พรรคพลังประชารัฐ" แกนนำรัฐบาล กับ "พรรคเพื่อไทย" แกนนำพรรคฝ่ายค้าน ส่งผู้สมัครของพรรคตนเองมาเชือดเฉือนกันให้รู้ว่า คนกรุงรักนิยมพรรครัฐบาลหรือฝ่ายค้าน
เนื่องจากทั้ง 2 ขั้วรู้ว่า ส่งใครก็พ่ายแพ้บรรดาตัวเก็ง ตัวเกร็ง ที่หลายสำนักโพลได้สำรวจหลาย ๆ ครั้ง ใครนำ ใครตาม
ดังนั้นทั้ง 2 ขั้วการเมืองขอหนุนอยู่ข้างหลังผู้สมัครอิสระที่เป็นฝ่ายตนเองสบายใจกว่ากันเยอะเลย!?!
ผู้สมัครอิสระ 2 ท่านใดที่ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อสนับสนุนอยู่เบื้องหล้ง ดูชื่อแล้วว่าใครเป็นใคร เดาไม่ยาก
ยังไง ๆ บอกชื่อไปแล้ว ก็คงมีเสียงปฏิเสธว่า ไม่จริง แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
การเมืองเป็นเรื่องลับ ลวง พราง อย่างนี้แหละท่านที่เคารพ!!
จบช่าว สวัสดี!!
Social Links