ศึก กทม.เลือกตั้งไปแล้ว เลือกตั้งใหญ่ ส.ส.เมื่อไหร่??

ศึก กทม.เลือกตั้งไปแล้ว เลือกตั้งใหญ่ ส.ส.เมื่อไหร่??

นายจักรยาน

            วันที่ 22 พฤษภาคม 2565  เป็นวันพิเศษของบ้านเมืองเราที่ต้องจดจำกันไว้

                เพราะเป็นวันครบ 8 ปีที่ คสช.(คุณสมชาย) ได้ยึดอำนาจจากรัฐบาล "น้องปู" เมื่อปี 2557 และปีนี้ก็เป็นวันเลือกตั้งผู้ว่า กทม.และเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา!!

                นอกจากนี้ก็เป็นว้นที่่่เป็นวันดวลแข้งชิงเหรียญทอง "ซีเกมส์" ระหว่าง "ช้างศึก" น้กเตะไทย กับ  แข้งเหงียน "เวียดนาม"

ซึ่งเป็นเรื่องบังเอิญประจวบเหมาะอย่างนึกไม่ถึง!!

                ขออนุญาตแสดงความยินดีล่วงหน้าผู้ที่ได้รับเลือกจากประชาชนคนกรุงเทพฯเข้ามาเป็นผู้ว่า ฯ กทม.คนใหม่ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่ทำให้คนกรุงผิดหวังซอกซ้ำระกำใจในวันข้างหน้า??

                เมื่อพ่อแม่พี่น้องที่มีทะเบียนบ้านในกรุงเทพฯ ได้เห็นหน้าตารูปร่างผู้ว่ากทม.กันเรียบร้อยแล้ว

                ณ วันเวลานี้ เชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศ ก็คงอยากเห็น "นายกรัฐมนตรี" คนใหม่ในการเลือกตั้้งครั้งหน้าว่าจะเป็นใคร  ผู้หญิงหรือผู้ชาย!!

                ถ้า "ลุงตู่" ตัดสินใจยุบสภา หลังจบประชุมเอเปกที่บางกอกในเดือนพฤศจิกายน 2565 แล้ว  เรา ๆ ท่าน ๆ ก็อาจจะได้เห็นโฉมหน้า "นายกรัฐมนตรี" คนใหม่ราว ๆ เดือนธันว่าคม ปี 65 หรือต้นปีมกราคา 66 ซึ่งจะรู้ว่าคือใครเร็วขึ้นกว่าเดิมครี่งปี

                เพราะไม่ต้องให้สภาผู้แทน ฯ ชุดนี้ครบเทอในวันที่ 23 มีนาคม 2566 ซึ่งกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ก็ไม่เกิน 2 เดือน และกว่าที่่สภาผู้แทน ฯ กับวุฒิสภาจะเลือก "นายกรัฐมนตรี" ที่เป็นแคนดิเดตก็เกือบกลางปี 2566

                ไม่ว่าจะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศเมื่อไหร่  แต่พอทราบผลเลือกตั้งว่าพรรคไหนชนะ ก็พอจะรู่้ได้ว่าใครจะกระโดดเข้ามานั่งเก้าอี้ "นายกรัฐมนตรี" !!

                ด้วยเหตุฉะนี้  พรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ก็ได้เปิดเผยชื่อแคนดิเลต "นายกรัฐมตรี" กันหลายพรรค  เพื่อให้เกิดกระแสติดตามมา

                พรรคสร้างอนาคตไทย  ก็ได้เปิดชื่อโดยไม่ปิดบังว่าภูมิใจเสนอชื่อ "เฮียกวง" สมคิด  จาตุศรีพิทักษ์" ผู้อยู่เบื้องหล้งต้วจริงของพรรคสร้างอนาคไทย เข้าร่วมวงชิงเก้าอี้ดนตรีนัมเบอร์วันของประเทศ

                ส่วนพรรคไทยสร้างไทยก็ไม่รีรอ  "คุณหญิงหน่อย"  สุดารัตน์  เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคได้ประกาศต่อสาธารณชนว่า ตัวเองพร้อมที่จะเป็นแคนดิเตด "นายกรัฐมนตรี" เช่นกัน

                สำหรับพรรคเพื่อไทย  แม้ยังไม่ชัดว่าจะเป็นใคร แต่ก็รู้ ๆ กันทั่วประเทศว่าจะส่ง "หนู่อุ๊งอิ๋ง" แพรทองธาร  ชินวัตร "หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย" ลูกสาวคนเล็กของ "เสี่ยแม้ว โทนี่นาฟ"จะเป้นแคนดิเดต "นายกรัฐมนตรี"

                ทางด้านหัวหน้าพรรคเพื่อไทย "นพ.ชลน่าน  ศรีนาน" ก็นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งเจ้าของพรรคให้มีการเปลี่ยนแปลง??

                พรรคประชาธิปัตย์  ก็ต้องส่ง "อู้ดด้า" จุรีนทร์  ลักษณวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดต "นายกรัฐมนตรี" ตามกฎกติกามารยาทของพรรค

                พรรคภูมิใจไทยก็ต้องส่งชื่อ "เสี่ยหนู" อนุทิน  ขาญวีระกุล หัวหน้าพรรคเข้าชิงเก้าอี้ผู้นำประเทศแนนอน

                ส่วน "พรรคก้าวไกล" ที่มีบทบาทและแสดงวาทะกรรมไกลสุดกู่สุดโต่งก็ต้องส่งชื่อหัวหน้าพรรค "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ให้รัฐสภาเลือก

                ก็ต้องขอโทษและกราบขออภัยพรรคขนาดกลางขนาดเล็กต่าง ๆ ที่มี ส.ส.เข้าสู่สภาผู้แทน ฯ  ไม่ว่าจะส่งหัวหน้าพรรค หรือบุคคลใด  ก็ไม่น่ามีกระแสออกมาให้เปรี้ยงปร้างฮือฮาร้อยเปอร์เซ็นต์แน่!!

                พรรคพลังประชารัฐของ "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่แห่งคณะ 3  ป.  ซึ่งสมาชิกพรรคส่วนใหญ่สนับสนุนให้่  "ลุงตู่" เป็น "นายกรัฐมนตรี" อีกสมัย

                "พี่ป้อม" ของ "น้องตู่่ี" ก็พูดช้ดเจนว่าสนับสนุน "ลุงตู่" ไม่ปันใจให้ใคร และจะอยู่ "พรรคพลังประชารัฐ" จนวันตาย??

                นับตั้งแต่ "ลุงตู่" ได้เป็น "นายกรัฐมนตรี" ตามกติกาของรัฐธรรมนูญปี 2560 ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม 2562 เป็นมา

                "ลุงตู่" ของบรรดา FC ก็โดนถล่มเรื่องการสืบทอดอำนาจเผด็จการ  หาเหตุด่าทุกเรื่อง ที่มีเรื่องให้ด่าได้

                ปัจจุบันนี้ก็โดนเขย่าขย่ม "ด่า" ไม่เลิก โดยไม่คิดว่าประชาชนจะเบื่อคำ "ด่า" ที่ซ้ำซากวนไปเวียนมาหรือไม่??

                วันนี้และวินาทีนี้  "ลุงตู่" ยังมิได้เปิดปากว่าจะ"พอเพียง"แล้ว ขอบายเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ทว่ายังอั้ม ๆ อึ้ง ๆ ไม่ชัดเจนว่าจะเอาหรือไม่ 

                แต่เกจิกูรูการเมืองหลายท่านวิเคราะและสังเคราะห์บทบาทลีลาของ "ลุงตู่" แล้วเชื่อว่ายัง"ไม่เพียงพอ" ขอไปต่ออีกสมัย!!

              ถ้า "ลุงตู่" ยังไม่เพียงพอการนั่งเก้าอี้ "ท่านผู้นำ" ของประเทศไทยต่อไปอีกตามกฎกติการมารยาทของรัฐธรรมนูญที่ออกแบบมาเพื่อพวกเราของลุงตู่

              ซึ่งย่อมแสดงว่า "ลุงตู่" อยากให้คนละขั้วประดิษฐวาทะกรรมศัพท์ใหม่ ๆ "ด่า" อย่างไม่พอเพียงต่อไปเรื่อย ๆ

               สรุปได้ว่า "ลุงตู่" มีความสุขจากการ "ด่า" โดยไม่เบื่อ  ฮ่า ฮ่า!!