สงครามรัสเซีย-ยูเครน: ไม่ใช่แค่น้ำมันรถ แต่น้ำมันจากดอกทานตะวันก็ขึ้นราคาด้วย

สงครามรัสเซีย-ยูเครน: ไม่ใช่แค่น้ำมันรถ แต่น้ำมันจากดอกทานตะวันก็ขึ้นราคาด้วย

สงครามรัสเซีย-ยูเครน: ไม่ใช่แค่น้ำมันรถ แต่น้ำมันจากดอกทานตะวันก็ขึ้นราคาด้วย

ดร.กฤษฎา พรหมเวค

คณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

                ในช่วงของการรุกรานยูเครนของกองกำลังทหารของรัสเซีย มีผู้เห็นแนวของดอกทานตะวันจำนวนมากเรียงรายอยู่ตามรั้วของสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียในกรุงลอนดอน เป็นการสื่อให้เห็นถึงความต้องการสันติภาพในดินแดนยูเครน ในขณะเดียวกัน ในเขตเฮนีเชสค์ (Генічеський район) เมืองเคอร์ซอน ทางตอนใต้ของยูเครน มีภาพผู้หญิงชราชาวยูเครนกำลังหยิบยื่นเมล็ดทานตะวันให้กับทหารรัสเซีย พร้อมคำกล่าวว่า “ให้ทหารรัสเซียใส่เมล็ดทานตะวันไว้ในกระเป๋าเสื้อของเขา เมื่อเขาตายกลายเป็นปุ๋ยดอกทานตะวันจะได้เจริญเติบโตขึ้นที่นั่น” ภาพดังกล่าวกลายเป็นไวรัลมีคนเข้าดูมากกว่า 8.6 ล้านครั้ง

                กระแสดังกล่าวทำให้บรรดาศิลปินต่าง ๆ ทั่วโลกได้โพสต์ภาพดอกทานตะวันพร้อมทั้งติดแฮชแท็ก #sunflowersforukraine เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของภาคพลเรือนในการแสดงการแสดงออกทางศิลปะอันทรงพลัง ในขณะเดียวกันผู้ใช้ Twitter และ Instagram ได้เพิ่มอิโมจิรูปดอกทานตะวันในชื่อผู้ใช้ของพวกเขา เป็นการแสดงออกถึงการสนับสนุนเล็กๆ น้อยๆ ในขณะที่กองทัพรัสเซียยังคงทำสงครามทำลายล้างต่อยูเครนต่อไป

                ‘ดอกทานตะวัน’ หรือในภาษายูเครนเรียกว่า “ซุนยาสนิกิ” (суняшники) เป็นดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติและได้รับความนิยมและชื่นชอบของชาวยูเครน  เห็นได้จากภาพวาดพื้นบ้านของยูเครนที่มักจะปรากฎภาพของดอกทานตะวันให้เห็น  โดย‘ดอกทานตะวัน’มีความหมายแสดงถึงความอบอุ่น และพลังของดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของชาวสลาฟมาตั้งแต่ก่อนคริสต์ศักราช ดอกทานตะวันเข้ามาในประเทศยูเครนในช่วงของแรก ๆ ของการสำรวจทวีปอเมริกาเหนือ เป็นพืชที่เติบโตได้ดีในพื้นที่เขตร้อนและแห้งซึ่งมีดินอุดมสมบูรณ์ เช่น บริเวณ чернозём หรือ "Black Earth" และ “Vinnytsia” ของประเทศ ยูเครน

                วัฒนธรรมการทานและปลูกดอกทานตะวันในยูเครนเริ่มต้นขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19  โดยพบว่ามีทุ่งดอกทานตะวันขนาดใหญ่ทั่วทั้งยูเครนและทางตะวันตกของรัสเซีย ชาวบ้านจะเคี้ยวเมล็ดพืชนี้และถุยเปลือกออกมา ทั้งนี้พบว่ามีการสกัดน้ำมันจากดอกทานตะวันมาใช้ในการทอดอาหาร และใช้เป็นส่วนผสมในสูตรเครื่องสำอางที่ทำให้ผิวนวล น้ำมันดอกทานตะวันมีการผลิตเชิงอุตสาหกรรมครั้งแรกในสมัยจักรวรรดิรัสเซีย ในปี ค.ศ. 1835 และแหล่งผลิตน้ำมันทานตะวันที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนี้ คือประเทศยูเครนและประเทศรัสเซีย โดยปกติแล้วรัสเซียและยูเครนเป็นสองประเทศที่ผลิตน้ำมันดอกทานตะวันคิดเป็น 60% ของทั้งโลก และส่งออกขายต่างประเทศถึง 75% จากตัวเลขจะเห็นได้ว่าพวกเขาคือผู้ส่งออกหลักที่สำคัญ ซึ่งด้วยสถานการณ์ที่คับขันในตอนนี้ ส่งผลให้หลายประเทศเกิดขาดแคลนสต๊อกน้ำมัน
ดอกทานตะวัน และได้เริ่มจำกัดโควตาการซื้อของลูกค้าแต่ละรายในซูเปอร์มาร์เก็ตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยซูเปอร์มาร์เก็ต 2 แห่งในประเทศสเปนอย่าง Mercadona และซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือ Consum ก็ได้จำกัดโควตาในการซื้อน้ำมันดอกทานตะวันเหล่านี้ให้กับลูกค้าได้เพียงแค่รายละ 5 ลิตร และ 1 ลิตรต่อวันตามลำดับ นอกจากนี้ปัญหาการขาดแคลนสต๊อกน้ำมันดอกทานตะวันก็ยังส่งผลกระทบต่อศูนย์จำหน่ายสินค้าและค้าส่งระดับโลกอย่าง ‘Makro’ ที่ก็ต้องออกมากำหนดโควตาการซื้อน้ำมันดอกทานตะวันของเหล่าสมาชิกที่จะสามารถซื้อได้แค่เพียงวันละหนึ่งขวดอีกด้วย
หลายประเทศในสภาพยุโรป (EU) เองก็ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ โดยตามข้อมูลของกลุ่มการค้า Fediol พบว่า สหภาพยุโรปได้สั่งซื้อน้ำมันดอกทานตะวันจากประเทศยูเครนในปริมาณ 200,000 ตันต่อเดือน หรือประมาณ 35-45% ของอุปทานทั้งหมด และก็ดูเหมือนว่าสต๊อกน้ำมันดอกทานตะวันของท้องถิ่น ณ ตอนนี้ อาจหมดภายใน 4-6 สัปดาห์ข้างหน้าจากสถานการณ์สงครามนั่นเอง

                ถึงแม้ว่าผู้ค้ารายใหญ่พยายามที่จะหาน้ำมันดอกตะวันที่ส่งออกจากประเทศอื่น ๆ อย่างเช่นสหรัฐฯ มาทดแทนแต่ปริมาณดังกล่าวก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการในท้องตลาดอยู่ดี หากสงครามระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครนยังคงดำเนินต่อไปแบบไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดเช่นนี้ นอกจากราคาน้ำมันรถที่พุ่งสูงขึ้นแล้ว ราคาน้ำมันดอกทานตะวันในตลาดเองก็อาจจะพุ่งสูงขึ้นด้วย.

 

You may also like

โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีโชว์ฟอร์มเต็มร้อย ยืนหยัดต้นทุนต่ำสุด หนุนค่าไฟถูก สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน

โรงไฟฟ้า