สนามบางแสน 21 เดือด ซิเซ่ เลมม่า เอธิโอเปีย ทุบสถิติใหม่
นักวิ่งทั่วโลก และคนไทยกว่า 1.2 หมื่นคน ทบเท้าประชันความเร็ว หวังยกระดับเป็น “IAAF Gold Label Road RaceX “ งานแรกของไทยและอาเซียน โชว์สุดยอดนวัฒกรรม “ Technology FaceX แก้ปัญหานักวิ่งเปลี่ยนตัว
แชมป์ปีนี้ ฝ่ายชายได้แก่ มร.ซิเซ่ เลมม่า คาเซเย่ นักวิ่งชาวเอธิโอเปีย ด้วยเวลา 1:02:19 ชม. เจ้าของสถิติอันดับ3 เบอร์ลินมาราธอน ตามด้วยอันดับ2 คือ มร. โมเสส คิเบท นักวิ่งชาวเคนย่า ด้วยเวลา 1:04:05 ชม. และแชมป์ฝ่ายหญิงได้แก่ ชิตาเย่ เอชีติ ฮาบเตเกเบรีย นักวิ่งจากประเทศบาห์เรน ด้วยเวลา 1:11:11 ชม. อันดับ2 ได้แก่ เดมิเซ ซีฟาน เมลาคุ นักวิ่งชาวเอธิโอเปีย ด้วยเวลา 1:12:35 ชม. สำหรับแชมป์นักวิ่งชาวไทยอันดับ 1 ชาย ได้แก่ นายณัฐวุฒิ อินนุ่ม ด้วยเวลา 1:09:39 ชม. และแชมป์นักวิ่งชาวไทยอันดับ 1 ฝ่ายหญิงได้แก่ น.ส. อรอนงค์ วงศร ด้วยเวลา 1:27:09 ชม. ซึ่งสถิติของแชมป์ชายหญิง นับเป็นสถิติใหม่ของสนามบางแสน21
นายรัฐ จิโรจน์วณิชชากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมซ์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด กล่าวว่า “สำหรับงานฮาล์ฟมาราธอนบางแสน21-2019จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งในปีนี้ เราจัดงานด้วยมาตรฐาน Gold Label Road Race ซึ่งทางWorld Athletics (ชื่อเดิม IAAF) ได้ส่ง มร.เทรซี่ ซันดลัน เข้ามาตรวจสนามและความพร้อมของสนามในจุดต่างๆ ซึ่งเราสามารถทำทุกรายละเอียดได้ตามมาตรฐาน Gold Label โดยเฉพาะในเรื่องของการแพทย์ที่เน้นมาตรฐานระดับโลก ซึ่งเชื่อว่าเราจะได้ร่วมกันเฉลิมฉลอง Gold Label ใบแรกของไทยกันในอีกไม่ช้า และจะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ใหกับวงการวิ่งของไทย นักวิ่งทั่วโลก1.2หมื่นคนตบเท้าประชันความเร็ว“บางแสน21ฮาล์ฟมาราธอน 2019” หวังยกระดับเป็น “IAAF Gold Label Road Race” ปี 2020 งานแรกของไทยและอาเซียน โชว์สุดยอดนวัตกรรม “Technology FaceX” แก้ปัญหานักวิ่งเปลี่ยนตัว
นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม (นายกตุ้ย) นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข กล่าวว่า เทศบาลเมืองแสนสุข ได้มีการเตรียมความพร้อมในทุกส่วน ทั้งพื้นที่ และการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และภาคประชาชน รวมถึงการปิดการจราจรในช่วงการแข่งขัน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับนักวิ่งตลอดระยะทาง โดยจะทำให้งานนี้ประสบความสำเร็จในฐานะงานวิ่งฮาล์ฟมาราธอนระดับ Gold Label ให้ได้ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์และเป็นใบเบิกทางที่ดีให้กับประเทศไทยที่จะก้าวไปสู่การเป็นเมือง Sport Tourism ให้นักวิ่งทั่วโลกรู้จักและอยากมาวิ่งที่เมืองไทยโดยเฉพาะที่บางแสน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นอีกแนวทางสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสังคมให้กับประเทศได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญสามารถนำรายได้ส่วนหนึ่งมอบบริจาคให้กับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดฃลบุรี จำนวน 1,560 ,896 บาท
Social Links