ส่งออกไทยพุ่งฉิว 14%
จากการเร่งส่งออกไปสหรัฐฯ
การส่งออกไทยเดือนก.พ.2568 ขยายตัวสูงถึง 14.0%YoY สูงกว่าที่ประมาณการเล็กน้อย เนื่องจาก
- การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) อาทิ พลอย แพลตินัมขยายตัว 106.3%YoY โดยส่งออกไปอินเดียเป็นหลัก ขณะที่การส่งออกทองคำขยายตัว 26.1%YoY สอดคล้องกับราคาในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนของสงครามการค้ารอบใหม่ และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้คาดว่าจะส่งผลให้การส่งออกทองรวมถึงโลหะมีค่ามีแนวโน้มจะยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่องไปในช่วงที่เหลือของปีนี้
- การส่งออกอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้ายังขยายตัวต่อเนื่องที่ 21.6%YoY และ 13.2%YoY ตามลำดับ โดยเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐฯ เป็นสำคัญจากการเร่งนำเข้าสินค้าก่อนการปรับขึ้นภาษีฯ โดยสินค้าส่งออกที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ (รวม HDDs) และเครื่องปรับอากาศ
การนำเข้าขยายตัวต่ำกว่าการส่งออกโดยอยู่ที่ 4.0%YoY มาจากการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ชะลอตัว ประกอบกับการนำเข้าสินค้าทุน เช่น เคมีภัณฑ์ เครื่องจักร ที่ลดลง ส่งผลให้ไทยเผชิญการเกิดดุลการค้าเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนที่ 1,988.3 ล้านดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงประมาณการภาพรวมส่งออกไทยในปี 2568 ขยายตัว 2.5% ชะลอลงจากปีก่อนหน้า โดยคาดว่าการส่งออกไทยในช่วงไตรมาสแรก ของปี 2568 จะขยายตัวได้เกิน 10% จากการเร่งนำเข้าสินค้าของตลาดต่างๆ ก่อนสหรัฐฯ จะประกาศภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ (reciprocal tariff) ในวันที่ 2 เม.ย. นี้ ซึ่งไทยมีโอกาสที่จะถูกปรับขึ้นภาษีในครั้งนี้ค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ดี การส่งออกไทยในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญจากผลกระทบของสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้น ซึ่งการส่งออกไทยคาดว่าจะได้รับผลกระทบที่ราว 0.5-1.0% หากไทยถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้า (รูปที่ 2) ทั้งนี้ ไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับขึ้นภาษีสูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคโดยเฉพาะเวียดนามซึ่งแม้จะมีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงกว่าไทยแต่มีเม็ดเงินลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ อาทิ เทคโนโลยีขั้นสูง AI จากสหรัฐฯ ค่อนข้างมาก
Social Links