ส.ว.ลากตั้ง 250 คนคือ “นอมินี” ที่แท้จริงทางการเมือง??
วันเลือกตั้งที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ตามโรดแม็พที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ได้พูดย้ำตลอดเวลาหลังจากที่มีการคลายล็อกพรรคการเมือง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2561 “บิ๊กตู่” ได้ไปตอกย้ำกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นระหว่างการพบปะประชุมหารือกันทีกรุงโตเกียวว่าประเทศไทยมีเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2562
ทุกพรรคการเมืองทั้งเก่าและใหม่ต่างก็เดินหน้าเคลื่อนไหวไปสู่การเลือกตั้งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 เพื่อต่อสู้ศึกเลือกตั้งตามกลยุทธของแต่ละพรรค
ส่วนจะมี “วิชามาร” มาสอดแทรกให้การห้ำหั่นเพื่อชิงชัยเก้าอี้ ส.ส. หรือไม่ ก็ต้องเป็นบทบาทหน้าที่ของ กกต. ที่ต้องจับตาดู!!
ณ วันนี้ ยังมองไม่ออกว่าจะมีเหตุอะไรที่ต้องเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปให้ประเทศชาติ และตัว “บิ๊กตู่” เสียหาย
นอกจากลมฟ้าอากาศในประเทศไทยจะแปรปรวนอย่างหนักหน่วง จนมี “หิมะถล่ม” หรือ “แลนด์สไลด์” ขึ้นมา??
สถานการณ์การเมืองของประเทศไทยนับจากนี้เป็นต้นไปจะมีบรรยากาศของแต่ละพรรคการเมืองให้ประชาชนได้รู้ได้เห็นว่ามีอะไรดี ๆ ที่น่าเชื่อถือ หรือไม่น่าเชื่อถือ
แต่สำหรับ “พรรคประชาธิปัตย์” เป็นพรรคเดียวที่มีความเคลื่อนไหวอย่างแรงภายในพรรคในการชิงเก้าอี้ “หัวหน้าพรรค” คนใหม่ว่าใครจะได้เป็น
“เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ เวชชาชีวะ หัวหน้าคนเก่าที่ได้เบอร์ 1 ซึ่งว่ากันว่าเป็น “เต็งหนึ่ง” ที่จะรีเทิร์นกลับมาเป็นอีกครั้ง
ส่วน “หมดวรงค์ เดชกิจวิกรม” ที่ได้เบอร์ 2 ก็ว่ากันว่าเป็น “เต็ง 2” ที่จะสู่กันถึงพริกถึงขิงให้ได้มาเป็นที่ 1
ทางด้าน “เดอะจ้อน “ อลงกรณ์ พลบุตร เบอร์ 3 หลาย ๆ ฝ่ายให้ราคาว่า “เต็ง 3” ตามหมายเลข 3 ที่ให้สมาชิกพรรคในการหยั่งเสียงเลือกว่าจะได้หรือไม่ได้เป็น “ท่านหัวหน้า”
ผู้สมัครแย่งเก้าอี้ดนตรีทั้ง 3 คนต่างก็ประกาศว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งของพรรคประประเทศชาติ
ไม่ว่าใครจะได้เข้ามาเป็น “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” ก็ตาม แต่วาทะเด็ดที่เป็นถ้อยคำหรู ๆ หลุดออกมาจากปากสมาชิกพรรค ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามวัฒนธรรมประเพณีนิยาของพรรคแน่!?!
อีกพรรคที่ประชาชนให้ความสนใจในการติดตามดู “พรรคเพื่อไทย” ว่า ใครผู้ใดจะได้เป็น “หัวหน้าพรรค” ตัวจริง
ซึ่งข่าวคราวการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคก็ไม่มีกระแสอะไรออกมาให้ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนพรรคประชาธิปัตย์
แต่ก็มีข่าว ลอยตามลมทางไกลมาว่า บรรดาอดีต ส.ส.เพื่อไทยที่ยกขบวนไปพบ “เสี่ยแม้ว” ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกงนั้น
เชื่อได้เลยว่า หลังจากที่อดีต ส.ส.เพื่อไทยกลับมาไทยแล้ว บุคคลที่จะได้เป็น “หัวหน้าพรรค” ไม่ว่าหญิงหรือชาย ก็จะมีการปูดออกมาให้แฟนคลับของพรรคได้รับทราบ
และสมาชิกของพรรคทุกคนก็จะไม่ปฏิเสธบุคคลนั้นเป็นหัวหน้าพรรค!?!
นอกจากนี้ก็มีกระแสที่ซุบซิบกันแซ่ดเรื่อง 2 พรรคนอมีนีของ “พรรคเพื่อไทย” ที่มีนามตามที่ได้จดทะเบียนตั้งพรรคว่า “เพื่อธรรม” และ “เพื่อชาติ”
เพราะหัวหน้าพรรคเพื่อธรรมที่ชื่อ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” เป็นศิษย์เก่าของเพื่อไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อชาติที่ชื่อ “ยงยุทธ์ ตติยะไพรัช” ก็ศิษย์เก่าเพื่อไทยเช่นกัน
จากการเจาะลึกตัวรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ระบุว่าทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนเข้าคูหาเลือกตั้งมีความหมายทั้งสิ้น
เนื่องจากการออกแบบรัฐธรมนูญฉบับใหม่นี้ จะไม่มีพรรคการเมืองไหนจะได้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ มากสุด ๆ ต้องเฉลี่ยให้แก่พรรคการเมืองอื่น ๆ ที่มีคะแนนเสียงที่เลือกพรรคครบจำนวนเสียงตามกติกา
ดังนั้น “พรรคเพื่อธรรม” และ “เพื่อชาติ” จึงมีความสำคัญต่อ “พรรคเพื่อไทย” จึงได้เดินพลิกเกมทะลุยุทธการแยกกันเดิน รวมกันตี เพื่อหวังชนะ??
สำหรับ “พรรคพลังประชารัฐ” ที่มี 4 รัฐมนตรีในรัฐบาล คสช. เป็นแกนนำหลัก ซึ่งมีการวิเคราะห์เจาะลึก ๆ ลับ ๆ ว่าต้องเป็นการแกนนำจัดตั้งรัฐบาลชัวร์ตามยุทธศาสตร์ คสช.
เพราะมี “พรรคการเมือง” ที่มีคำว่า “พลัง” ในชื่อพรรคการเมือง ซึ่งแทบจะทุกพรรคก็ว่าได้ที่ประกาศเป็นนโยบายสนับสนุน “บิ๊กตู่” นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่อไปให้สบายก้น!!
โดยไม่ต้องสนใจ่ในการคิดจัดตั้ง พรรคนอมีนี ให้ตัดคะแนนพวกพลังกันเอง!!
อ๊ะ อ๊ะ ที่เป็นนอมินีที่แท้จริงของพรรคพลังทั้งหลาย ก็คือ ส.ว.ลากตั้ง 250 คน นั่นแหละท่านที่เคารพ!!
นายจักรยาน
Social Links