“ออโตโมบิลี ปินินฟารินา”เผยโฉม “บี95″รุ่นใหม่ ไฮเปอร์คาร์บาร์เซตต้าชนิดไฟฟ้าคันแรกของโลก 4.4 ล้านยูโร

“ออโตโมบิลี ปินินฟารินา”เผยโฉม “บี95″รุ่นใหม่ ไฮเปอร์คาร์บาร์เซตต้าชนิดไฟฟ้าคันแรกของโลก 4.4 ล้านยูโร

- in New Product
1177

ออโตโมบิลี ปินินฟารินา”เผยโฉม “บี95″รุ่นใหม่

ไฮเปอร์คาร์บาร์เซตต้าชนิดไฟฟ้าคันแรกของโลก 4.4 ล้านยูโร

……………………………………………………………

-รถออโตโมบิลี ปินินฟารินา บี95 รุ่นใหม่ เป็นไฮเปอร์คาร์บาร์เชตต้าชนิดไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกของโลก และเป็นรถรุ่นออกแบบตามสั่งที่เชิดชูดีไซน์พูราอันเหนือกาลเวลาและสุดยอดความชำนาญเชิงเทคนิค

-บี95 ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดการออกแบบพูรา วิชั่น ที่คิดริเริ่ม ออกแบบ และพัฒนาในอิตาลีโดยครอบครัวผู้เชี่ยวชาญของออโตโมบิลี ปินินฟารินา

-ปรัชญาการออกแบบพูราของออโตโมบิลี ปินินฟารินา พลิกโฉมดีเอ็นเอของรถรุ่นดั้งเดิมจากอดีตของบริษัทสู่อนาคต

-แผ่นบังลมคู่ปรับระดับได้เป็นครั้งแรกของโลกคงไว้ซึ่งดีไซน์หรูหราของบี95 พร้อมทั้งปกป้องผู้โดยสาร เพื่อที่สุดแห่งประสบการณ์การขับขี่ยนตรกรรมบาร์เชตต้า

-ชื่อบี95 มาจากตัวบีในคำว่าบาร์เชตต้า อีกทั้งยังแสดงถึงการผลิตและส่งมอบให้แก่ลูกค้าที่จะเริ่มในปี 2568 ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 95 ปีของแบรนด์การออกแบบ ปินินฟารินา เอสพีเอ

-งานสัปดาห์รถยนต์มอนเทอเรย์ได้รับเลือกให้เป็นที่เปิดตัวรถบี95 ในระดับโลก ควบคู่กับรถแบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา ไฮเปอร์ จีที และแนวคิดการออกแบบพูรา วิชั่น

-รับประกันความหายาก เพราะรถบี95 ออกแบบตามสั่งเพียง 10 คันสำหรับนักสะสมทั่วโลก โดยไฮเปอร์คาร์บาร์เชตต้าชนิดไฟฟ้าเต็มรูปแบบครั้งแรกของโลกนี้จะมีราคาเริ่มต้นที่ 4.4 ล้านยูโร

……………………………………………………….

ออโตโมบิลี ปินินฟารินา (Automobili Pininfarina) เปิดฉากบทใหม่อันน่าตื่นเต้นในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ที่งานสัปดาห์รถยนต์มอนเทอเรย์ (Monterey Car Week) ด้วยการเปิดตัวไฮเปอร์คาร์บาร์เชตต้า (Barchetta) เปิดประทุนชนิดพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกของโลกอย่างบี95 (B95)

ไฮเปอร์คาร์บาร์เชตต้าชนิดพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบเป็นสุดยอดผลงานการออกแบบและเทคโนโลยี ความเรียบง่ายของโครงด้านนอกของรถเปิดประทุนที่ไหลลื่นตัดกับรายละเอียดทางเทคนิคที่แสนประณีตเพื่อมอบการตีความหมายอันเร้าใจให้แก่รถแข่งคลาสสิก มาพร้อมกับสมรรถนะพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

ปรัชญาการออกแบบพูรา (PURA) ของออโตโมบิลี ปินินฟารินา ถ่ายทอดเค้าโครงที่หรูหราและสัดส่วนอันหวือหวา ดังที่ปรากฏอยู่ในแนวคิดพูรา วิชั่น (PURA Vision) ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานนี้ หลักการที่ตั้งมั่นอยู่ในแนวคิดดังกล่าวนี้ได้รับการตีความอยู่ในบี95 โดยรักษาสมดุลของแรงบันดาลใจจากรถแข่งคลาสสิกที่โดดเด่นพร้อมด้วยองค์ประกอบที่มีลักษณะเป็นอนาคต ขณะที่ยังคงยึดมั่นในปรัชญาพูรา

บี95 เปิดตัวระดับโลกเป็นครั้งแรกที่งานสัปดาห์รถยนต์มอนเทอเรย์เมื่อเดือนสิงหาคม ควบคู่กับรถแบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา ไฮเปอร์ จีที (Battista Edizione Nino Farina hyper GT) ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานเทศกาลแห่งความเร็วกู๊ดวู้ด (Goodwood Festival of Speed) เมื่อเดือนกรกฎาคม เช่นเดียวกับแนวคิดการออกแบบพูรา วิชั่น ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานนี้

คุณเปาโล เดลลาชา (Paolo Dellachà) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของออโตโมบิลี ปินินฟารินา กล่าวว่า “นี่เป็นบทใหม่อันน่าตื่นเต้นที่สุดในเรื่องราวของออโตโมบิลี ปินินฟารินา จนถึงบัดนี้ เรากำลังก้าวครั้งใหญ่ไปข้างหน้า การเปิดตัวรถบี95 เป็นหลักชัยที่สามในสามเป้าหมายหลักสำหรับแบรนด์ของเราในหน้าร้อนนี้ ประการแรก เราได้เปิดตัวแบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา เพื่อเชิดชูลูกชายผู้สร้างชื่อในวงการแข่งรถของครอบครัวปินินฟารินา ซึ่งยังเป็นแชมป์ฟอร์มูลาวัน (Formula 1) คนแรกของโลกด้วย”

การเปิดตัวแนวคิดการออกแบบวิสัยทัศน์พูรา ปลดล็อกปรัชญาการออกแบบใหม่สำหรับรุ่นรถในอนาคตทั้งหมดจากแบรนด์ของเราในทุกกลุ่มระดับต่าง ๆ ขณะนี้ รถบาร์เชตต้ารุ่นใหม่ของเราแสดงให้เห็นว่าหลักการการออกแบบเหล่านี้สามารถประยุกต์ใช้ร่วมกับวิสัยทัศน์แบบย้อนยุค-อนาคต โดยผสมผสานกับธีมกีฬามอเตอร์สปอร์ตแบบคลาสสิกเข้ากับนวัตกรรมเทคโนโลยี วัสดุ และกระบวนการใหม่ล่าสุด”

“บี95 มอบพลังของแบตติสตา แต่ขณะเดียวกันก็สร้างมิติใหม่ของประสบการณ์การขับขี่ ซึ่งสร้างนิยามใหม่ให้กับความเพลิดเพลินในการขับขี่ เป็นครั้งแรกของรถแบบใหม่ เป็นสิ่งอันเป็นที่ปรารถนาซึ่งนำเสนอความน่าตื่นเต้นของสมรรถนะพลังงานไฟฟ้าชั้นเลิศในรูปแบบเปิดประทุนที่สวยงามน่าตื่นตา”

ผลงานชิ้นเอกรุ่นลิมิเต็ดนี้จะเริ่มประกอบด้วยมือและส่งมอบได้ในปี 2568 ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 95 ปีของปินินฟารินา เอสพีเอ (Pininfarina SpA) โดยตัวบี (B) ในชื่อรุ่นนี้มาจากบาร์เชตต้า ทั้งสองส่วนนี้ประกอบกันรวมเป็นชื่อรถออโตโมบิลี ปินินฟารินา บี95

รถรุ่นดังกล่าวนี้จะทำขึ้นเพียง 10 คันเท่านั้น แต่ละคันจะรังสรรค์ขึ้นอย่างประณีตบรรจงภายใต้ความร่วมมือระหว่างทีมออกแบบของออโตโมบิลี ปินินฟารินา ในเมืองกัมเบียโนกับลูกค้าแต่ละราย เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีความพิเศษเฉพาะตัวอย่างที่สุด เนื่องจากจะไม่มีรถคันใดที่เหมือนกันเลย รถตัวอย่างของรุ่นบี95 ที่สวยงามซึ่งพร้อมที่จะเผยโฉมเป็นครั้งแรกในงานสัปดาห์รถยนต์มอนเทอเรย์ ออกแบบโดยทีมออกแบบของออโตโมบิลี ปินินฟารินา และเนรมิตออกมาโดยการทำงานร่วมกันระหว่างปินินฟารินา เอสพีเอ ในกัมเบียโน โดยพัฒนาและทำขึ้นด้วยมือโดยทีมช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ

คุณเปาโล เดลลาชา กล่าวว่า “เราจะนำเสนอรถตัวอย่างรุ่นบี95 อันยอดเยี่ยมนี้ในมอนเทอเรย์ การทำงานร่วมกันของเรากับแบรนด์ผู้ออกแบบที่มีประสบการณ์หลายทศวรรษในการรังสรรค์ยนตรกรรมที่ทำขึ้นเพียงครั้งเดียวให้กับแบรนด์หรูที่เป็นที่เคารพนับถือที่สุดในโลกอย่างปินินฟารินา เอสพีเอ ทำให้มั่นใจได้ในคุณภาพชั้นเลิศในการดำเนินการ และเราตั้งตารอที่จะสานต่อความร่วมมือเชิงกลยุทธ์อย่างใกล้ชิดของเราต่อไปในอนาคต”

การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพูรา

การออกแบบรถบี95 โดดเด่นด้วยโครงด้านนอกของรถซึ่งห่อหุ้มตลอดแนวความกว้างเข้าหาส่วนบังโคลนหน้า ลวดลายเส้นสายที่อยู่สูงบนตัวรถทำให้ตัวรถด้านนอกมีรูปลักษณ์ดุดันอย่างงดงาม จากภายในห้องโดยสาร การออกแบบมอบความรู้สึกปลอดภัยและความสบาย พร้อมทั้งเชื่อมโยงผู้โดยสารเข้ากับสภาพแวดล้อม

คุณเดฟ อมันที (Dave Amantea) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการออกแบบของออโตโมบิลี ปินินฟารินา กล่าวว่า “ปรัชญาการออกแบบพูราของเรายึดถือความบริสุทธิ์เป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งเป็นเครื่องหมายความเป็นเลิศของดีไซน์เหนือกาลเวลาสำหรับยานยนต์ที่โดดเด่นจากอดีตของปินินฟารินา เค้าโครงของรถบาร์เชตต้าเป็นที่จดจำได้ทันที แต่เรามีหน้าที่ต้องทำให้ออกมางดงาม การผสมผสานสัดส่วนแบบคลาสสิกเข้ากับงานรายละเอียดที่วิจิตรประณีตทำให้เราสร้างสิ่งที่พิเศษอย่างแท้จริงได้ เราช่วยให้ลูกค้าได้ขับขี่ความฝันด้วยบี95 ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างนิยามให้กับแบรนด์นี้ที่กำลังก้าวไปข้างหน้า”

รถออโตโมบิลี ปินินฟารินา บี95 ตีความรูปร่างของตัวรถบาร์เชตต้าได้อย่างน่าตื่นตา เส้นสายโฉบเฉี่ยวเหนือกาลเวลาตัดกับรายละเอียดเชิงเทคนิคเพื่อสร้างดีไซน์ที่บริสุทธิ์งดงาม ความเป็นบี95 ได้รับการขับเน้นด้วยตัวรถที่หรูหราพร้อมด้วยการเปิดโล่งสู่ห้องโดยสารที่มีระดับ

ซุ้มล้อรถที่โดดเด่นเน้นย้ำรูปร่างและขุมพลังของรถ ทำให้ทีมออกแบบสามารถเพิ่มรูปทรงพิเศษเข้าไปเชื่อมระหว่างซุ้มกับด้านข้างของตัวรถ เช่นนี้ทำให้สามารถควบคุมเงาสะท้อนจากโครงด้านนอกของรถ ซึ่งเพิ่มความลึกและคุณภาพให้กับงานออกแบบ

เมื่อมองจากด้านบน ดีเอ็นเอของดีไซน์พูราสามารถจดจำได้ทันที เมื่อไม่มีหลังคากระจกเหนือตัวรถแล้ว ทีมออกแบบของออโตโมบิลี ปินินฟารินา ได้รังสรรค์พื้นที่ในห้องโดยสารโดยมีวงแหวนล้อมรอบอยู่ ทั้งเบาะที่นั่ง แผ่นบังลมปรับระดับได้ และโดมโค้งด้านหลังผู้โดยสารแต่ละฝั่ง ซึ่งจากมุมนี้จะเห็นเป็นเส้นสี่เส้นชัดเจนอันเป็นลักษณะเด่นของบี95 แสดงการเชื่อมโยงเข้ากับแนวคิดพูรา วิชั่น

ประสบการณ์ขับขี่แบบเปิดประทุนของรถบี95 ได้รับการยกระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยแผ่นบังลมปรับระดับได้ชนิดไฟฟ้าเป็นครั้งแรกของโลก ดีไซน์โพลีคาร์บอเนตใสนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องบินขับไล่แบบวินเทจ มาพร้อมกับฐานรองรับอะลูมิเนียมที่เผยอยู่ซึ่งสร้างสรรค์ทางวิศวกรรมอย่างประณีต และสามารถปรับยกขึ้นและลดต่ำลงโดยผู้ใช้เพื่อเพิ่มความสบายขณะที่ยังคงไว้ซึ่งความสมบูรณ์ของการออกแบบ

ลูกค้าสามารถสั่งหมวกกันน็อกออกแบบตามสั่ง มาในผิวสัมผัสที่เข้ากับลักษณะเฉพาะของรถบี95 ที่เลือกเอง อุปกรณ์เสริมเหล่านี้ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสประสบการณ์สมรรถนะไฮเปอร์คาร์ของบี95 อย่างเต็มที่ได้อย่างปลอดภัยบนถนนหรือสนามแข่ง

สรุปภาพรวมลักษณะเฉพาะของบี95

ลักษณะตัวรถหลักของบี95 อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนอื่นใดซึ่งจะเผยโฉมเป็นครั้งแรกในมอนเทอเรย์ในปีนี้ มาในผิวสัมผัสเมทัลลิกสีบรอนโซ ซูเปอร์กา (Bronzo Superga) มอบความแตกต่างอย่างน่าทึ่งตัดกับส่วนผิวสัมผัสมันเงาสีเหลืองจาลโล อาร์เนอีส (Giallo Arneis) ที่บริเวณด้านหน้าและบนโดมด้านหลังผู้ขับ ซึ่งมีเลข 95 มันเงาสีดำประดับอยู่

การใช้วัสดุเอ็กซ์โพส ซิกเนเจอร์ คาร์บอนสีดำ (Black Exposed Signature Carbon) ต่อขยายออกมา มอบเอฟเฟกต์การขึ้นรูปแบบสามมิติในเชิงเทคนิค ซึ่งตัดกับงานสีที่หรูหราของตัวรถ รายละเอียดการตัดกันดังกล่าวนี้ยังมองเห็นได้ในบริเวณรอบลิ้นหน้าของกันชนทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่บริเวณด้านหน้าและรอบตัวส่งอากาศด้านหลัง

งานผิวสัมผัสของตัวรถเป็นการเคลือบเงาหลายชั้นที่ไร้ที่ติ ขับเน้นเค้าโครงที่หรูหราของรถบี95 ผสมผสานเกล็ดเมทัลลิกสีทองเพื่อให้เกิดความลึกของสีที่น่าทึ่ง ในระหว่างกลางวัน ส่วนไฮไลท์นี้จะมีเนื้อสัมผัสและสีเหมือนทอง ขณะที่ตอนกลางคืนจะมีสีออกบรอนซ์ทองแดง ให้ความรู้สึกเหมือนมีสองสีในตัวโดยขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของวัน

เพื่อเติมเต็มด้านนอกให้สมบูรณ์ที่สุด รถบี95 มีล้อหน้าขนาด 20 นิ้วและล้อหลังขนาด 21 นิ้วแบบใหม่ทำจากอะลูมิเนียมโดยมีผิวสัมผัสสีดำด้าน (Matt Black) ตัดกับบริเวณตัวครอบล้อด้านนอกที่เป็นอะลูมิเนียมเนื้อด้านขัดละเอียด วงล้อตรงกลางเป็นอะลูมิเนียมขัดเงาอโนไดซ์สีดำ ขณะที่คาลิเปอร์เบรกเป็นสีเหลืองจาลโล อาร์เนอีส เข้ากับสีไฮไลท์ของบริเวณด้านนอกตัวรถ

ภายในเป็นที่สุดแห่งการผสมผสานระหว่างรถแข่งแบบคลาสสิกเข้ากับดีไซน์แบบอนาคต ด้วยแท่นหน้าปัดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถคอนเซ็ปต์และสภาพแวดล้อมห้องโดยสารที่ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกปลอดภัยและได้รับการโอบอุ้ม

จากที่นั่งคนขับ แท่นหน้าปัดที่ทอดแผ่ขยายออกผสานเข้ากับด้านนอกตัวรถ ซึ่งช่วยขยายเส้นสายที่โดดเด่นของกระโปรงหลังเข้าไปภายในห้องโดยสาร ดังที่เห็นได้ในแนวคิดการออกแบบพูรา วิชั่น

ด้วยแท่นหน้าปัดทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่หล่อรูปขึ้น ทำให้เกิดเป็นเอฟเฟกต์ปีกรถที่ลอยอยู่ ตัวแท่นหน้าปัดหุ้มหนังรุ่นซัสเทนอะเบิล ลักชูรี สีน้ำตาลแทน (Tan Sustainable Luxury Leather) พร้อมด้วยการสลักลายนูนตามสั่ง ซึ่งตัดกับผิวสัมผัสอะลูมิเนียมขัดเงาอโนไดซ์สีดำซึ่งประดับอยู่ในทุกที่

เบาะที่นั่งซึ่งทำจากหนังรุ่นซัสเทนอะเบิล ลักชูรี สีน้ำตาลแทนเช่นกัน ได้รับแรงบันดาลใจจากเบาะที่นั่งของรถแข่งแบบคลาสสิก ออกแบบมาให้โค้งโอบรับผู้โดยสาร ที่นั่งทั้งสองจัดวางเพื่อให้โอบอุ้มผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยมอบความสบายและการปกป้องอย่างมั่นใจ ด้วยดีไซน์แบบสองส่วนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเบาะที่นั่งที่พบได้ในพูรา วิชั่น โดยมีส่วนตกแต่งวัสดุอะลูมิเนียมที่มีเอกลักษณ์แซมอยู่

พนักพิงศีรษะ ซึ่งมีโลโก้ปินินฟารินางานเชื่อมไฟฟ้าประดับอยู่ มีผิวสัมผัสเป็นผ้าทอรุ่นลักชูรีลายพิเย เดอ ปูล ฮาวด์สทูธ (Pied de Poule Houndstooth Luxury Textile) พร้อมทั้งมีการเดินตะเข็บสีดำและสีน้ำตาลแทนที่ตัดกันพาดผ่านเบาะที่นั่ง ด้านในของประตู และแท่นหน้าปัด

โอกาสการออกแบบตามสั่งโดยเฉพาะมีอยู่อย่างไร้ขีดจำกัดสำหรับนักสะสมในการสั่งทำรถบี95 ทำให้รถแต่ละคันในทั้งหมด 10 คันจะมีความแตกต่างเฉพาะตัว

หนึ่งในโอกาสการออกแบบตามสั่งที่โดดเด่นที่สุดคือแผ่นประตูอะลูมิเนียมแกะสลักเลเซอร์ ซึ่งอยู่บริเวณริมขอบนอกของประตูทั้งสองข้าง และมองเห็นได้อย่างง่ายดายขณะขึ้นและลงจากรถ มาในผิวสัมผัสอโนไดซ์สีดำพร้อมด้วยลายสลักบี95 สีขาวที่ออกแบบได้ตามสั่ง ประตูทั้งสองนี้มอบความรู้สึกอลังการในการเข้าสู่ตัวรถไฮเปอร์คาร์บาร์เชตต้า

คุณอังเดร เครสปี (Andrea Crespi) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของออโตโมบิลี ปินินฟารินา กล่าวว่า “รถออโตโมบิลี ปินินฟารินา บี95 นี้จะทำเป็นเพียงไฮเปอร์คาร์บาร์เชตต้าไฟฟ้าเต็มรูปแบบเท่านั้นก็ได้ อย่างไรก็ตาม เราต้องการที่จะทำให้รถคันนี้เป็นมากกว่านั้นมาก เราได้เลือกสรรเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเพื่อทำให้รถรุ่นนี้เป็นยานยนต์ที่ใครต่างก็ปรารถนาที่จะครอบครอง อีกทั้งยังเป็นที่ที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างแผ่นบังลมปรับระดับได้ของเราได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งจักรยานยนต์สองล้อ ทำให้รถคันนี้เป็นรถบนท้องถนนที่บุกเบิกในสิ่งใหม่อย่างแท้จริง เทคโนโลยีใหม่ที่จดสิทธิบัตรนี้มอบความตื่นเต้นเร้าใจอย่างที่สุดของการขับขี่แบบเปิดประทุน แต่ขณะเดียวกันยังให้ความสบายแม้ในความเร็วสูงที่รถบี95 สามารถบรรลุได้”

รถบี95 ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังที่ก้าวหน้าล้ำสมัยแบบเดียวกับที่มอบสมรรถนะอันน่าทึ่งในรถแบตติสต้า ไฮเปอร์ จีที แต่มาพร้อมกับการปรับเฉพาะตัวสำหรับรถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่นนี้ ด้วยความสามารถในการเร่งจาก 0 ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาไม่ถึง 2 วินาที รถบี95 มีความเร็งสูงสุดมากกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

รถไฮเปอร์คาร์บาร์เชตต้าชนิดไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกของโลกนี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนสมรรถนะสูงขนาด 120 กิโลวัตต์ ซึ่งมีกำลังสูงสุด 1400 กิโลวัตต์ (1900 แรงม้า) แพ็คแบตเตอรี่รูปตัวที ซึ่งระบายความร้อนด้วยของเหลว ได้รับการปกป้องห่อหุ้มอยู่ภายในตัวครอบทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่แข็งแรงและน้ำหนักเบา และสามารถชาร์จโดยใช้ที่ชาร์จไวแบบกระแสตรงได้สูงสุด 270 กิโลวัตต์สำหรับการชาร์จเติมไฟ 20-80% ในเวลาเพียง 25 นาที

สมรรถนะด้านพลังงานเช่นนี้ส่งต่อไปยังถนนผ่านเครื่องยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงที่แยกอยู่เป็นอิสระ 4 ตัว แต่ละตัวขับเคลื่อนล้อแต่ละล้อ โหมดขับขี่ 5 โหมดใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีกระจายแรงบิดเต็มรูปแบบ (Full Torque Vectoring) เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งการส่งและควบคุมพลังไฟฟ้าให้เหมาะกับความต้องการและสภาพการขับขี่

     มีตัวเลือกโหมดการขับขี่ 5 โหมดเพื่อปรับแต่งไดนามิกการขับขี่ ประกอบด้วย คาลมา (Calma), พูรา (Pura), เอเนอร์จิกา (Energica), ฟูริโอซา (Furiosa) และคารัตเตเร (Carattere) ซึ่งเปิดการทำงานได้ด้วยสวิทช์หมุนแบบสัมผัสที่หรูหราบริเวณข้างพวงมาลัย

ครอบครัวผู้เชี่ยวชาญของแบรนด์

รถบี95 นี้พัฒนาโดยใช้ประสบการณ์และความชำนาญยาวนานหลายทศวรรษโดยครอบครัวผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการผลิตของออโตโมบิลี ปินินฟารินา ในอิตาลี รถรุ่นนี้คิดริเริ่ม ออกแบบ และพัฒนาในอิตาลี อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าซึ่งพัฒนาบุกเบิกขึ้นที่ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลของออโตโมบิลี ปินินฟารินา ในเยอรมนี

ปัจจุบันออโตโมบิลี ปินินฟารินา มีพนักงาน 116 คนในสำนักงานใหญ่ด้านวิศวกรรมในเมืองกัมเบียโน ประเทศอิตาลี และศูนย์นวัตกรรมในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี เป็นทีมงานที่ประกอบด้วยกว่า 20 สัญชาติ โดยใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ระดับโลก เพื่อรังสรรค์ยุคใหม่ในด้านการเคลื่อนที่ด้วยพลังงานไฟฟ้า

……………………………….

เกี่ยวกับออโตโมบิลี ปินินฟารินา

ออโตโมบิลี ปินินฟารินา (Automobili Pininfarina) มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี โดยมีทีมงานซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารมากประสบการณ์ในแวดวงยานยนต์จากแบรนด์รถยนต์ระดับหรูหราและพรีเมียม รถยนต์ไฮเปอร์ จีที รุ่นแบตติสตา และรุ่นอื่น ๆ ทั้งหมดในอนาคต ซึ่งออกแบบ วางระบบ และผลิตด้วยมือในอิตาลี จะวางจำหน่ายในตลาดใหญ่ ๆ ทั่วโลกในแบรนด์ปินินฟารินา ทั้งนี้ บริษัทน้องใหม่แห่งนี้มุ่งหมายที่จะเป็นแบรนด์รถหรูอันเป็นที่ปรารถนาและยั่งยืนที่สุดในโลก โดยเป็นการลงทุนของบริษัทมาฮินดร้า แอนด์ มาฮินดร้า (Mahindra & Mahindra Ltd) ทั้งหมด 100% และได้รับการตั้งชื่อว่าออโตโมบิลี ปินินฟารินา หลังจากที่ได้ลงนามในข้อตกลงใบอนุญาตเครื่องหมายการค้าระหว่างปินินฟารินา (Pininfarina S.p.A.) และมาฮินดร้า แอนด์ มาฮินดร้า บริษัทปินินฟารินามีบทบาทที่สำคัญในการสนับสนุนความสามารถด้านการออกแบบและการผลิตรถยนต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกหลายรุ่นด้วยประสบการณ์เฉพาะตัวที่สั่งสมมานานถึง 94 ปี

 ออโตโมบิลี ปินินฟารินา แบตติสตา แบตติสตา (Battista) เป็นรถที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยออกแบบและสร้างในอิตาลี โดยจะมอบสมรรถนะในระดับที่ยังไม่มีรถสปอร์ตแบบใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ได้รับอนุญาตให้วิ่งบนท้องถนนรุ่นใดทำได้ในปัจจุบัน รถแบตติสตาทำความเร็วได้เหนือกว่ารถแข่งฟอร์มูลาวัน จากการที่ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม.ได้ในเวลาไม่ถึง 2 วินาที ทั้งยังมีกำลัง 1,900 แรงม้า และแรงบิด 2,340 Nm รถแบตติสตาผสานวิศวกรรมและเทคโนโลยีขั้นสุดในรูปแบบที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ขณะที่แบตเตอรี่ขนาด 120 kWh ของรถแบตติสตาให้พลังขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว ซึ่งติดไว้หนึ่งตัวในล้อแต่ละจุด มีระยะวิ่งตามมาตรฐาน WLTP ได้ไกล 476 กิโลเมตร และวิ่งตามมาตรฐาน US EPA ได้ไกล 300 ไมล์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ทั้งนี้ รถแบตติสตาจะผลิตขึ้นไม่เกิน 150 คัน แต่ละคันจะผลิตด้วยมือที่โรงงานพินินฟารินา เอสพีเอ อเทลิเยร์ ในเมืองกัมเบียโน ประเทศอิตาลี

You may also like

TQM ร่วมกับ MSIG ส่งความสุขท้ายปี มอบฟรี “ประกันภัยรถยนต์ตามคน” ขับคันไหนก็คุ้มครอง

TQM ร่วม