อ่านได้ที่นี่-คำต่อคำผู้ว่าฯแบงก์ชาติ
กล่าวเปิดงาน Digital Supplychain Finance
“การเปิดตัวบริการ Digital Supplychain Finance”
ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประธานสมาคมธนาคารไทย
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธาน
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย
ผู้สื่อข่าว และผู้มีเกียรติทุกท่าน
ในยุคที่โลกเศรษฐกิจและการเงินต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วจากกระแสดิจิทัล ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เร่งส่งเสริมและผลักดันการน าเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้พัฒนาประสิทธิภาพบริการทางการเงิน ให้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน ภาคธุรกิจ และภาครัฐมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการช าระเงินและส่งเสริมนวัตกรรมทางการเงินในหลากหลายรูปแบบ
ตัวอย่างที่สำคัญคือ การพัฒนาระบบพร้อมเพย์ภายใต้โครงการ National e-Payment ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักในการช าระเงินดิจิทัล ซึ่งส่งผลให้การโอนเงินและช าระเงินของคนไทยเป็นเรื่องง่าย สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีต้นทุนที่ถูกลง สามารถต่อยอดบริการได้หลากหลายและเพิ่มประโยชน์ในวงกว้าง เช่น การใช้ QR code เพื่อชำระเงินระบบพร้อมเพย์ จึงถือเป็นจุดเปลี่ยนของการช าระเงินของคนไทย และเป็นกลไกสำคัญที่ผลักดันการชำระเงินดิจิทัลให้เป็นทางเลือกหลัก สะท้อนจากการเติบโตที่รวดเร็วของการชำระเงินดิจิทัล ทั้งในเชิงจำนวนและมูลค่าของการใช้งาน โดยเฉพาะการทำธุรกรรมผ่าน mobilebanking ที่ถูกจัดอยู่ในอันดับ 1 ของโลก
จากความสำเร็จของการชำระเงินดิจิทัลในภาคประชาชน มาถึงวันนี้ ผมขอถือโอกาสพูดถึงโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินสำหรับภาคธุรกิจ ภายใต้โครงการ Smart Financial and Payment Infrastructure for Business ที่เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลังธนาคารแห่งประเทศไทย หน่วยงานภาครัฐ ภาคธนาคาร และภาคธุรกิจ ในการเชื่อมโยงข้อมูลการค้าและการชำระเงินของภาคธุรกิจ เข้ากับข้อมูลผู้ให้บริการทางการเงินและระบบภาษีของภาครัฐ เพื่อแก้ปัญหาของการทำธุรกิจแบบเดิม ที่ผู้ประกอบการต้องนำส่งเอกสารทางการค้าในรูปแบบกระดาษให้กับคู่ค้า ต้องตรวจสอบการช าระเงินแยกตามรายการ รวมไปถึงต้องนำส่งและจัดเก็บเอกสารทางภาษี ซึ่งจะมีทั้งต้นทุนการบริหารจัดการเอกสาร และต้นทุนเวลาเพื่อตรวจสอบความถูกต้องในทุกขั้นตอน ซึ่งโครงการ Smart Financial and Payment Infrastructure for Business นี้ จะน ากระบวนการทั้งหมดเข้าสู่ระบบดิจิทัล ช่วยลดต้นทุน ลดข้อผิดพลาด การตรวจสอบท าได้ง่าย และจะท าให้ได้รับเงินเร็วขึ้น รวมทั้งธุรกิจ สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้สนับสนุนการขอสินเชื่อหมุนเวียนได้ด้วย ซึ่งหลายประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานลักษณะเดียวกันนี้ เช่น ประเทศอังกฤษ สามารถลดต้นทุนการจัดการเอกสารต่อรายการได้กว่า 65 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ธุรกิจได้รับเงินตรงเวลามากขึ้นกว่าเท่าตัว ฝรั่งเศสลดค่าจัดส่งเอกสารได้ถึง 96% และลดเวลาของกระบวนการทั้งหมดลงจาก 15 วันเหลือเพียง 3 วัน
โครงการ Smart Financial and Payment Infrastructure for Business นี้ ประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนแรก คือบริการด้านการค้าและการช าระเงิน ที่จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักในการเชื่อมข้อมูลข้างต้นอย่างครบวงจร และส่วนที่สอง ที่จะเริ่มเปิดให้บริการได้ในวันนี้คือ บริการด้านสินเชื่อ หรือ Digital Supplychain Finance ที่จะน าข้อมูลจากบริการด้านการค้า และการชำระเงินมาใช้ในการตรวจสอบเอกสารสำหรับการให้สินเชื่อ ซึ่งด้วยระบบเชื่อมโยงข้อมูลที่ไม่ซับซ้อน จึงสามารถเปิดใช้บริการนี้ได้ก่อนในการให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด19
สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันผลักดันโครงการนี้และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบริการ Digital Supply chain Finance จะช่วยสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและตอบโจทย์ผู้ประกอบการ SMEs ให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ และพร้อมปรับตัวสู่โลกใหม่ซึ่งถ้าจะเปรียบ “พร้อมเพย์” เป็น game changer ที่ช่วยผลักดันการช าระเงินดิจิทัลของภาคประชาชน “โครงการ Smart Financial and Payment Infrastructure for Business” ที่มีบริการ Digital Supplychain Finance เป็นองค์ประกอบ ก็จะสามารถเป็น game changerที่จะช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจในการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่กระแสดิจิทัลได้ดีเช่นกัน
Social Links