เกมลงทุนกลยุทธ์ ใช้เงินซื้อความสำเร็จ
สุทธิชัย ทักษนันต์
วันที่ 13 มิถุนายน 2025 วงการ AI สั่นสะเทือนอีกครั้ง เมื่อ Meta Platforms บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram ได้ประกาศการลงทุนเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญถึง 14.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเข้าถือหุ้น 49% ใน Scale AI สตาร์ทอัพด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ชั้นนำ
เบื้องหลังตัวเลขการลงทุนนี้ ไม่ใช่แค่การเข้าซื้อเทคโนโลยี หรือการเป็นเจ้าของส่วนแบ่งตลาดเท่านั้น หัวใจสำคัญของดีลนี้คือการ “ดึงตัวอัจฉริยะ” และทีมงานระดับพระกาฬเข้ามาเสริมทัพในสงคราม AI ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่บริษัทเทคยักษ์ใหญ่ผู้มั่งคั่งเคยใช้มาแล้วหลายครั้ง เพื่อเร่งสปีดการพัฒนาและช่วงชิงความได้เปรียบในสมรภูมิเทคโนโลยี
Scale AI คือ สตาร์ทอัพ Unicorn ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 โดย Alexandr Wang และ Lucy Guo โดยมีบทบาทสำคัญในฐานะ “กระดูกสันหลัง” ของอุตสาหกรรม AI มีบริการหลักคือ การติดฉลากข้อมูล (Data Labeling) และการจัดการข้อมูล AI แบบครบวงจร
ด้วยแพลตฟอร์มที่ผสานรวมความเชี่ยวชาญของมนุษย์เข้ากับ AI ขั้นสูง ทำให้ Scale AI สามารถประมวลผลและเตรียมข้อมูลคุณภาพสูงจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลภาพ วิดีโอ ข้อความ หรือแม้แต่ข้อมูล 3 มิติจากเซ็นเซอร์ LiDAR
เพียงสามปีหลังก่อตั้ง Scale AI ในปี 2016 บริษัทก็ทะยานสู่สถานะ “Unicorn” ได้สำเร็จในปี 2019 (มีมูลค่าบริษัทเกิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
ในยุคที่ AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) อย่าง Gemini, ChatGPT, Claude, หรือ Llama กำลังเป็นที่นิยม “ข้อมูล” คือเชื้อเพลิงสำคัญที่สุด แต่ AI จะฉลาดและแม่นยำได้ก็ต่อเมื่อได้รับการฝึกฝนด้วยข้อมูลที่สะอาด ถูกต้อง และมีคุณภาพสูง ซึ่งนี่คือสิ่งที่ Scale AI ทำได้ดีที่สุด
บริษัทชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น OpenAI, Microsoft, Google, Toyota, GM, หรือแม้กระทั่งกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ต่างก็พึ่งพาบริการของ Scale AI มาโดยตลอด
รายได้ของ Scale AI เติบโตอย่างก้าวกระโดด จาก 200-215 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 เป็น 760 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 และคาดว่าจะพุ่งสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 แสดงให้เห็นถึงความต้องการบริการของพวกเขาที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
หัวใจสำคัญของดีลการเข้าซื้อ Scale AI ของ Meta คือ Alexandr Wang และการล่าตัวอัจฉริยะในสตาร์ทอัพแห่งนี้
Alexandr Wang (อเล็กซานเดอร์ หวัง) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI จะย้ายมาร่วมทีม AI ของ Meta โดยตรง และจะนำทีมงานสำคัญส่วนหนึ่งจาก Scale AI มาร่วมด้วย
Alexandr Wang วันนี้ในเดือนมิถุนายน 2025 มีอายุ 28 ปี เขาคืออัจฉริยะด้านเทคโนโลยี เขาก่อตั้ง Scale AI ตั้งแต่อายุเพียง 19 ปี หลังออกจาก MIT เพียงหนึ่งปี เขาเติบโตมาในครอบครัวนักฟิสิกส์นิวเคลียร์ที่ Los Alamos National Laboratory สหรัฐฯ มีความสามารถโดดเด่นด้านคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ตั้งแต่วัยเยาว์
ในวัย 24 ปี อเล็กซานเดอร์ หวัง ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐีที่สร้างตัวเองขึ้นมาที่อายุน้อยที่สุดในโลกในขณะนั้น วิสัยทัศน์ของเขาในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลสำหรับ AI ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเป็นการตัดสินใจที่เฉียบแหลม และทำให้ Scale AI เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา AI ทั่วโลก
การที่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ถึงกับตัดสินใจดึงตัว Alexandr Wang มาด้วยตนเอง สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในตัวบุคคลนี้
ซักเคอร์เบิร์กมองว่า Wang คือ “ผู้นำในยุคสงคราม AI” ที่จะช่วยให้ Meta บรรลุเป้าหมายที่ทะเยอทะยานในการพัฒนา “Superintelligence” ซึ่งเป็น AI ที่มีความสามารถเหนือกว่าสติปัญญาของมนุษย์อย่างมีนัยสำคัญ
การมองเห็นอนาคตความสำเร็จของ Scale AI สะท้อนได้จากผู้ลงทุนในสตาร์ทอัพแห่งนี้ในแต่ละรอบ
บุคคลสำคัญในวงการที่เป็น Angel Investors เช่น Sam Altman (ผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI), Nat Friedman, Mike Krieger (ผู้ร่วมก่อตั้ง Instagram), Adam D’Angelo (CEO ของ Quora), Kevin Systrom (ผู้ร่วมก่อตั้ง Instagram), Drew Houston (CEO ของ Dropbox), Justin Kan (ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitch), Peter Thiel (สุดยอดนักลงทุน ผู้ลงทุนรายแรกของ Facebook)
บริษัทที่มีชื่อเสียงอื่นๆที่ร่วมลงทุนใน Scale AI เช่น Accel, Tiger Global Management, NVIDIA, Amazon, Cisco Investments, Intel Capital, AMD Ventures
การลงทุนในบริษัทอื่นที่มีศักยภาพของผู้บริหารและบริษัทไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นกลยุทธ์ที่เป็น “ทางลัดมหาเศรษฐี” มีตัวอย่างให้เห็นมากมายจากบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของโลก
คู่แข่งกำลังวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและอาจทำให้ตามไม่ทัน “การซื้อ” สิ่งที่ดีที่สุดจากภายนอกนั้นรวดเร็วและคุ้มค่ากว่าการ “สร้าง” ขึ้นมาเองทั้งหมด
นี่คือตัวอย่างเด่นๆ จากบริษัทเทคชั้นนำระดับโลกที่เคยใช้วิธีลงทุนแบบกลยุทธ์เหมือนอย่างที่ Meta ได้ทำกับ Scale AI:
–Google และ DeepMind: ในปี 2014 Google ได้เข้าซื้อกิจการ DeepMind Technologies บริษัท AI จากอังกฤษ ด้วยมูลค่าประมาณ 400-650 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะต้องการเข้าถึงนักวิจัย AI ระดับโลกอย่าง Demis Hassabis, Shane Legg และ Mustafa Suleyman รวมถึงเทคโนโลยี Reinforcement Learning อันล้ำสมัยของ DeepMind เพื่อเร่งการพัฒนา AI ทั่วไป การได้ DeepMind มาเป็นหัวหอกสำคัญในการพัฒนา AI ของ Google เช่น Gemini ในปัจจุบัน
-Microsoft และ OpenAI โดย Microsoft ได้ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ใน OpenAI (ผู้พัฒนา ChatGPT) และเป็นผู้ให้บริการคลาวด์หลักผ่าน Azure เหตุผลสำคัญ คือ Microsoft ต้องการเข้าถึงเทคโนโลยี AI ที่ปฏิวัติวงการอย่างรวดเร็ว เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของตน และท้าทายการครอบงำของ Google
–Microsoft และ Inflection AI (และ Mustafa Suleyman) ในเดือนมีนาคม 2024 Microsoft ไม่ได้ซื้อ Inflection AI ทั้งหมด แต่ทำข้อตกลงมูลค่า 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเข้าถึงโมเดล AI และที่สำคัญที่สุดคือ ดึงตัว Mustafa Suleyman (หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง DeepMind) และ Karén Simonyan พร้อมทีมงานกว่า 70 คนจาก Inflection AI มาร่วมงานกับ Microsoft AI โดยตรง Microsoft ต้องการเสริมทัพบุคลากร AI ระดับสูง เพื่อเร่งการพัฒนา AI ในผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค เช่น Copilot และกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพา OpenAI เพียงรายเดียว
–Amazon Web Services (AWS) และ Anthropic (ผู้สร้าง Claude) โดย Amazon ได้ลงทุนรวม 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน Anthropic ผู้พัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ Claude ทำให้ AWS มีพาร์ทเนอร์สำคัญเป็นโมเดล AI ขั้นสูงอย่าง Claude ให้กับลูกค้าบนแพลตฟอร์มคลาวด์ของตนเอง (AWS Bedrock) เพื่อแข่งขันกับข้อเสนอจากคู่แข่งอย่าง Azure (กับ OpenAI) และ Google Cloud (กับ Gemini) นอกจากนี้ยังผูกสัมพันธ์ให้ Anthropic ใช้ AWS เป็นผู้ให้บริการคลาวด์หลักและใช้ชิป AI ของ AWS
การลงทุนของ Meta ใน Scale AI จึงเป็นการเดินตามรอยกลยุทธ์ที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่แข็งแกร่งในสงคราม AI
การได้ Alexandr Wang และทีมงานของ Scale AI มา จะช่วยให้ Meta สามารถ:
- เข้าถึง Data Engine ที่แข็งแกร่งที่สุด: ข้อมูลคุณภาพสูงคือสิ่งจำเป็นสำหรับโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพ การได้ Scale AI มาจะช่วยให้ Meta สามารถฝึกฝนและปรับปรุงโมเดล Llama ของตนเองได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
- เร่งพัฒนา “Superintelligence“: ด้วยความเชี่ยวชาญของ Wang และทีมงาน Meta มีโอกาสก้าวไปสู่เป้าหมาย AI ที่ทะเยอทะยานได้เร็วขึ้น
- ประหยัดเวลาและทรัพยากร: แทนที่จะต้องสร้างทีมงานและกระบวนการจัดการข้อมูล AI ขนาดใหญ่ตั้งแต่ต้น Meta สามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ Scale AI สร้างไว้แล้วได้ทันที
สงคราม AI จะรุนแรงต่อเนื่อง คนเก่งระดับแนวหน้ามีค่ามหาศาล โครงสร้างพื้นฐานเป็นรากฐานสำคัญ
กลยุทธ์การซื้อบริษัทเพื่อให้ได้คนเก่งๆมาร่วมงาน เป็นทางลัดที่มีประสิทธิภาพ สร้างแต้มต่อหรือความได้เปรียบในการแข่งขันได้!!!

THAI
Social Links