เงินบาทขยับแข็งค่า-หุ้นไทยปรับตัวขึ้น

เงินบาทขยับแข็งค่า-หุ้นไทยปรับตัวขึ้น

เงินบาทขยับแข็งค่าหุ้นไทยปรับตัวขึ้น

                                                ……………………………………….

•              เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุนใหม่ๆ แม้ว่าประธานเฟดจะส่งสัญญาณคุมเข้มต่อเนื่อง

•           SET Index แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ตามแรงหนุนของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและพลังงาน แม้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยเกือบตลอดสัปดาห์

                                                …………………………………………

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

                เงินบาทพลิกแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ โดยเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ตามทิศทางค่าเงินหยวน หลังจากที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองสกุลเงินตราต่างประเทศที่สถาบันการเงินต้องดำรงไว้ลง ซึ่งทำให้ตลาดตีความว่าเป็นความพยายามเพื่อชะลอการอ่อนค่าของเงินหยวน อย่างไรก็ดีเงินบาทและสกุลเงินอื่นในเอเชียกลับมาเผชิญแรงขายช่วงสั้นๆ ในช่วงกลางสัปดาห์ ตามสถานการณ์เงินเยน (อ่อนค่าสุดในรอบ 24 ปี) และเงินหยวน (อ่อนค่าสุดในรอบ 2 ปี) ซึ่งถูกกดดันจากแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงิน ซึ่งมีทิศทางแตกต่างไปจากสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินของสหรัฐฯ            

                นอกจากนี้การแข็งค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดพันธบัตร ขณะที่แม้ว่าประธานเฟดจะส่งสัญญาณคุมเข้มต่อเนื่อง แต่เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงเพิ่มเติมช่วงปลายสัปดาห์ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเงินยูโร หลัง ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 bps. ตามที่ตลาดคาด และส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเพื่อสกัดแรงกดดันเงินเฟ้อของยูโรโซนซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นเป็นตัวเลขสองหลักในระยะข้างหน้าตามทิศทางราคาพลังงาน

                ในวันศุกร์ที่ 9 ก.ย. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 36.28 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 36.71 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (2 ก.ย.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 5-9 ก.ย. แม้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 5,204 ล้านบาท แต่ก็ซื้อสุทธิพันธบัตรไทยสูงถึง 10,935 ล้านบาท

                ในสัปดาห์นี้ (12-16 ก.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ระดับ 35.80-36.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ กระแสเงินทุนต่างชาติ และผลการประชุม BOE ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคานำเข้าและราคาส่งออก ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนก.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์  นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. ของอังกฤษและยูโรโซน รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนส.ค. ด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

                ตลาดหุ้นไทยดีดตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน แม้เผชิญแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้ SET Index แกว่งตัวกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ก่อนจะทยอยปรับขึ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยหุ้นกลุ่มที่หนุน SET Index ในสัปดาห์นี้หลักๆ ได้แก่ กลุ่มพลังงานที่มีปัจจัยบวกส่วนหนึ่งจากการประชุมโอเปกซึ่งมีมติปรับลดกำลังการผลิตลงในเดือนหน้า รวมถึงกลุ่มเทคโนโลยี ที่มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง รับข่าวตลท. เตรียมปรับปรุงเกณฑ์ Turnover Ratio สำหรับการพิจารณาคัดเลือกหุ้นใน SET50 และ SET100   

                ในวันศุกร์ (9 ก.ย.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,654.62 จุด เพิ่มขึ้น 2.00% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 67,413.58 ล้านบาท ลดลง 11.39% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 5.18% มาปิดที่ 666.98 จุด    

                สำหรับสัปดาห์นี้(12-16 ก.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,640 และ 1,620 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,665 และ 1,690 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รวมถึงประเด็นการเมืองในประเทศ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BoE ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค. ของยูโรโซน ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนส.ค. ของญี่ปุ่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก การลงทุนในทรัพย์สินถาวร

 

You may also like

เปิดตัวดัชนีชี้วัดความปลอดภัยของเด็ก บนโลกออนไลน์ทั้งในระดับชาติและระดับโลก

เปิดตัวด