เงินบาททยอยแข็งค่าตามทองคำโลก หุ้นไทยปรับตัวขึ้นรับ กนง.ลดดอกเบี้ย

เงินบาททยอยแข็งค่าตามทองคำโลก หุ้นไทยปรับตัวขึ้นรับ กนง.ลดดอกเบี้ย

เงินบาททยอยแข็งค่าตามทองคำโลก

หุ้นไทยปรับตัวขึ้นรับ กนง.ลดดอกเบี้ย

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

  • เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น โดยมีอานิสงส์จากการพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ของราคาทองคำในตลาดโลก

เงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยตามจังหวะการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกในช่วงต้นสัปดาห์ แต่การเคลื่อนไหวยังค่อนข้างจำกัดในช่วงก่อนผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ ได้รับอานิสงส์จากการคาดการณ์ว่า เฟดน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปในหลายๆ รอบการประชุมข้างหน้า เงินบาทอ่อนค่าลงช่วงสั้นๆ ในช่วงกลางสัปดาห์ หลังกนง. สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยมติ 5:2 เสียง ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาที่ระดับ 2.25% แต่ก็สามารถล้างช่วงอ่อนค่าลงทั้งหมดและพลิกแข็งค่ากลับมา โดยมีแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่

อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของเงินบาทยังเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากเงินดอลลาร์ฯ มีปัจจัยบวกจากข้อมูลยอดค้าปลีกและตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งหนุนแนวโน้มการทยอยลดดอกเบี้ยของเฟด โดย ณ ขณะนี้ตลาดประเมินว่า เฟดมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยทั้งสิ้นประมาณ 50 basis points ภายในช่วงปลายปี 2567

ในวันศุกร์ที่ 18 ต.ค. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.34 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (11 ต.ค. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 15-18 ต.ค. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยที่ 977 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 5,188 ล้านบาท (แบ่งเป็น ขายสุทธิพันธบัตร 5,122 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 66 ล้านบาท)

สัปดาห์ระหว่างวันที่ 21-25 ต.ค. ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.80-33.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกเดือนก.ย. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย. รายงาน Beige Book ของเฟด ดัชนีความเชื่อมั่น/ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในมุมมองผู้บริโภค และดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนต.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของธนาคารกลางจีน และดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนต.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

  • ดัชนีหุ้นไทยแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีครั้งใหม่ช่วงท้ายสัปดาห์

หุ้นไทยขยับลงช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ โดยเผชิญแรงกดดันหลักๆจากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลง หลังโอเปกปรับลดตัวเลขคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันโลกสำหรับปีนี้และปีหน้าลง อย่างไรก็ดี หุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ หลังกนง. มีมติปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ไปที่ 2.25% ซึ่งเหนือความคาดหมายของตลาด โดยปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการปรับลดดอกเบี้ย นำโดย กลุ่มไฟแนนซ์และอสังหาริมทรัพย์

หุ้นไทยปรับขึ้นต่อเนื่องจนถึงช่วงท้ายสัปดาห์ โดยแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีครั้งใหม่ที่ 1,506.82 จุด ก่อนจะลดช่วงบวกลงมาบางส่วนตามแรงขายทำกำไรก่อนปิดตลาดปลายสัปดาห์ อนึ่ง สัปดาห์นี้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นมากสุด โดยนอกจากจะได้รับอานิสงส์ตาม Sentiment ตลาดในภาพใหญ่หลังกนง. ลดดอกเบี้ยแล้ว ยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากปัจจัยเฉพาะด้วยเช่นกัน ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศยังคงซื้อสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง

ในวันศุกร์ที่ 18 ต.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,489.82 จุด เพิ่มขึ้น 1.34% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 66,749.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.30% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.78% มาปิดที่ระดับ 340.34 จุด

สัปดาห์นี้(21-25 ต.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,475 และ 1,450 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,510 และ 1,525 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนก.ย. ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ของบจ.ไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย. ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนต.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนต.ค. ของจีน รวมถึงดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนต.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ 

You may also like

ชมรมผู้สูงอายุ(รักษ์ สว.)ทำบุญรับพร ร่วมกันจงรักภักดีลงชื่อ ส่งเสด็จพระบรมราชินีพันปีหลวงเสด็จสู่สวรรคาลัย

ชมรมผู้ส