เงินบาทอ่อนค่าสุดรอบ 6 เดือน -หุ้นไทยปิดต่ำกว่าสัปดาห์ก่อน
ลุ้นโควิด/ศก.สหรัฐ-จีน
สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 6 เดือน โดยเงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ในช่วงต้นสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ได้รับอานิสงส์จากข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมเดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด ซึ่งหนุนความหวังต่อแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ นอกจากนี้เงินบาทยังเผชิญแรงขายต่อเนื่อง และแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 6 เดือนที่ 31.51 บาทต่อดอลลาร์ฯ ท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดรอบสามของโควิด 19 ในประเทศ ซึ่งมีการแพร่กระจายออกไปในหลายจังหวัดอย่างรวดเร็ว
ในวันศุกร์ (9 เม.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 31.42 เทียบกับระดับ 31.31 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (2 เม.ย.)
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (12-16 เม.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.20-31.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์และมาตรการควบคุมโควิด 19 ในประเทศ ท่าทีสหรัฐฯ และจีน ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคานำเข้า/ส่งออก ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนมี.ค. ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Prelim.) เดือนเม.ย. รวมถึงรายงาน Beige Book ของเฟด นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลจีดีพีไตรมาส 1/64 ยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวน การส่งออกและยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน
สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย
หุ้นไทยร่วงลงจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,566.34 จุด ลดลง 1.87% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 88,971.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.00% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 2.90% มาปิดที่ 458.32 จุด
หุ้นไทยร่วงลงแรงช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนสถาบัน สวนทางกับหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นรับความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยหุ้นในกลุ่มพลังงาน ธนาคาร การเงินและอสังหาริมทรัพย์เผชิญแรงกดดันจากสถานการณ์การระบาดของโควิดระลอกใหม่ในประเทศที่กระจายเป็นวงกว้าง อย่างไรก็ดี หุ้นไทยสามารถฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในเวลาต่อมา หลังทางการยังไม่ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ
สำหรับสัปดาห์ถัดไป12-16 เม.ย. บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,555 และ 1,540 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,580 และ 1,600 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด 19 ในประเทศและมาตรการควบคุมการระบาด รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับวัคซีนต้านโควิด 19 ตลอดจนผลประกอบการงวดไตรมาส 1/64 ของบจ.ไทย ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนมี.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/64 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนมี.ค. ของจีน รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมี.ค. และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. ของยูโรโซน
Social Links