เงินบาทแข็งค่าช่วงปลายสัปดาห์ หุ้นไทยลงต่อเป็นสัปดาห์ที่ 4 จับตาผลประชุม กนง.-ตัวเลขส่งออกเดือน มค.

เงินบาทแข็งค่าช่วงปลายสัปดาห์ หุ้นไทยลงต่อเป็นสัปดาห์ที่ 4 จับตาผลประชุม กนง.-ตัวเลขส่งออกเดือน มค.

เงินบาทแข็งค่าช่วงปลายสัปดาห์

หุ้นไทยลงต่อเป็นสัปดาห์ที่ 4

จับตาผลประชุม กนง.-ตัวเลขส่งออกเดือน มค.

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

  • เงินบาททยอยแข็งค่ากลับมาตามแรงหนุนทองคำในตลาดโลก

เงินบาทอ่อนค่าลงช่วงสั้น ๆ ต้นสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางเงินหยวนและสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากสัญญาณของเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งสะท้อนท่าทีระมัดระวังต่อแรงกดดันเงินเฟ้อและอาจไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในอนาคตอันใกล้นี้ อย่างไรก็ดีเงินบาทฟื้นตัวกลับมาแข็งค่าในช่วงที่เหลือของสัปดาห์สอดคล้องกับค่าเงินเยน (ที่มีแรงหนุนในช่วงแรกจากการคาดการณ์ว่า BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย) และการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก (ซึ่งยังได้รับอานิสงส์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบจากมาตรการภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ และประเด็นสงครามการค้า)

ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ และบอนด์ยีลด์ของสหรัฐฯ ยังคงถูกกดดันหลังจากบันทึกการประชุมเฟดระบุว่า เฟดมีการหารือกันเกี่ยวกับแนวโน้มการชะลอการปรับลดงบดุลของเฟด ประกอบกับเครื่องชี้ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาด [จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 5,000 ราย ไปที่ 219,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดคาดที่ 215,000 ราย] นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังขาดแรงหนุนใหม่ๆ เพิ่มเติม หลังตลาดรับรู้การเตรียมปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และยาของสหรัฐฯ ไปแล้วบางส่วน

ในวันศุกร์ที่ 21 ก.พ. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (14 ก.พ.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 17-21 ก.พ. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 2,177 ล้านบาท แต่ขายสุทธิพันธบัตรไทย 2,463 ล้านบาท

สัปดาห์ระหว่างวันที่ 24-28 ก.พ. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 33.20-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. (26 ก.พ.) ตัวเลขการส่งออกเดือนม.ค. ของไทย สัญญาณและรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการทางภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือนม.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 (Prelim.) รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค. ของยูโรโซนและผลการประชุมธนาคารกลางเกาหลีใต้ด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

  • ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามแรงขายหุ้นบิ๊กแคปและความกังวลต่อประเด็นนโยบายการค้าและทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ

ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรงแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี 3 เดือนครั้งใหม่ที่ 1,236.80 จุดช่วงต้นสัปดาห์ โดยมีแรงกดดันหลัก ๆ มาจากแรงขายหุ้นผู้ประกอบธุรกิจท่าอากาศยาน (กังวลเรื่องผลกระทบจากการขาดสภาพคล่องของคู่ค้า) และหุ้นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง (หลังผลประกอบการไตรมาสล่าสุดออกมาต่ำกว่าคาด ส่งผลให้หลายบล. แนะนำขาย) ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนจนถึงช่วงกลางสัปดาห์ตามรายงานข่าวที่ว่ากระทรวงการคลังเตรียมเปิดกองทุน Thai ESG ใหม่เพื่อรองรับเม็ดเงินจากกองทุน LTF ที่ครบกำหนด

ดัชนีหุ้นไทยพลิกร่วงอีกครั้งในเวลาต่อมาสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังมีรายงานข่าวว่าสหรัฐฯ เตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสำหรับรถยนต์ ยาและเซมิคอนดักเตอร์ ประกอบกับบันทึกการประชุมเฟดสะท้อนว่า เฟดไม่มีความจำเป็นต้องรีบลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ดีแรงขายของนักลงทุนชะลอลงในช่วงปลายสัปดาห์หลังร่วงลงแรงก่อนหน้านี้ อนึ่งสัปดาห์นี้หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวได้ดีโดยมีแรงหนุนจากการประกาศจ่ายเงินปันผล รวมถึงหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็ขยับขึ้นเช่นกันจากข่าวที่ว่า ธปท. อยู่ระหว่างพิจารณาผ่อนคลายเกณฑ์ LTV

ในวันศุกร์ที่ 21 ก.พ. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,246.21 จุด ลดลง 2.04% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 52,240.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.59% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 3.82% มาปิดที่ระดับ 270.49 จุด

สัปดาห์นี้(24-28 ก.พ. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,235 และ 1,225 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,270 และ 1,285 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือน ม.ค. ของไทย การประชุมกนง. (26 ก.พ.) ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่ รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนม.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 (ครั้งที่ 2) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. ของยูโรโซน ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.ของญี่ปุ่น

You may also like

นายกฯ มาเลเซีย หนุนกระชับสัมพันธ์จีน รักษาความแข็งแกร่งเศรษฐกิจอาเซียน

นายกฯ มา