เดลต้าฯประเทศไทยสุดปลื้ม! S&P จัดขึ้นทำเนียบบริษัทชั้นนำเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน

เดลต้าฯประเทศไทยสุดปลื้ม! S&P จัดขึ้นทำเนียบบริษัทชั้นนำเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน

เดลต้าฯประเทศไทยสุดปลื้ม!

S&P จัดขึ้นทำเนียบบริษัทชั้นนำเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน

 บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้นำระดับโลกด้านการจัดการพลังงานและผู้ให้บริการโซลูชันสีเขียวอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย IoT ได้รับการจัดอันดับใน S&P Global Sustainability Yearbook ประจำปี 2568 นับเป็นปีที่แปดติดต่อกันที่บริษัทฯ ได้รับการยอมรับในฐานะบริษัทที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นและยอดเยี่ยมด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ทั้งนี้ S&P Global Sustainability Yearbook เป็นทำเนียบรวบรวมรายชื่อบริษัทชั้นนำด้านความยั่งยืนตามการจัดอันดับดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) โดยเดลต้า ประเทศไทย เป็นบริษัทจดทะเบียนไทยเพียงรายเดียวในกลุ่มอุตสาหกรรม “ชิ้นส่วนอุปกรณ์ เครื่องมือและส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์” ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่ทำเนียบนี้

เดลต้ามุ่งเน้นการดำเนินงานด้านความยั่งยืนด้วยแนวทางที่มุ่งเน้นการดำเนินงานที่เห็นผลจริงและวัดผลได้ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม โดยกลยุทธ์ด้าน ESG ของบริษัทฯ ตั้งอยู่บนหลักการของความโปร่งใส ความร่วมมือ และการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง

นายเคเค ชง หัวหน้าฝ่ายพัฒนาความยั่งยืน บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าวถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า “เราเชื่อว่าความยั่งยืนคือการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีคุณค่าในระยะยาว ซึ่งจะช่วยให้เดลต้าเติบโตไปพร้อมกับสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและสิ่งแวดล้อม การที่เราได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อ S&P Global Sustainability Yearbook และเข้าเป็นสมาชิกของดัชนี DJSI ไม่เพียงยืนยันถึงความก้าวหน้าของเรา แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้เราพัฒนาต่อไป เพื่อยืนหยัดในการขับเคลื่อนความยั่งยืนด้วยแนวทางที่เป็นรูปธรรมและมีคุณค่าอย่างต่อเนื่อง”

ในปีนี้ S&P Global Sustainability Yearbook ได้ทำการประเมินบริษัทกว่า 7,690 แห่ง จาก 62 อุตสาหกรรมทั่วโลก และคัดเลือกเหลือเพียง 780 บริษัทเพื่อบรรจุใน Yearbook การได้รับคัดเลือกในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเดลต้า ประเทศไทยในการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม

เดลต้า ประเทศไทย ได้ผนวกความยั่งยืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานมาอย่างยาวนาน โดยบริษัทฯ ลงทุนอย่างต่อเนื่องในโครงการต่าง ๆ เพื่ออนุรักษ์และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าทางธุรกิจในระยะยาว นับตั้งแต่ปี 2560 บริษัทฯ สามารถลดความหนาแน่นในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกไซต์งานลงได้กว่าร้อยละ 33 อีกทั้งร้อยละ 23 ของรายได้รวมของบริษัทฯ ยังมาจากโซลูชันเทคโนโลยีสะอาด (clean technology solutions) และบริษัทฯ ยังใช้วัสดุรีไซเคิลในกระบวนการผลิตกว่าร้อยละ 22 ของวัตถุดิบทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้กำกับดูแลให้ซัพพลายเออร์ทั้งหมดปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณแห่งพันธมิตรธุรกิจผู้มีความรับชอบ (RBA Code of Conduct) เพื่อเสริมสร้างการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมและยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน

ก้าวต่อไปสู่อนาคต เดลต้าจะยังคงมุ่งมั่นเสริมสร้างการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ กำลังศึกษาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพด้านความยั่งยืนในด้านต่าง ๆ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร การเพิ่มศักยภาพโครงการด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน และการเร่งพัฒนานวัตกรรมโซลูชันคาร์บอนต่ำ และด้วยการผนวกความยั่งยืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานเหล่านี้ เดลต้าจึงสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตควบคู่ไปกับการดำเนินงานตามหลักการ ESG ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แม้เดลต้า ประเทศไทย จะได้รับการยอมรับใน S&P Global Sustainability Yearbook ซึ่งถือเป็นเครื่องยืนยันความก้าวหน้าที่สำคัญ แต่ความสำเร็จดังกล่าวถือเป็นเพียงก้าวหนึ่งบนเส้นทางอันยาวไกล บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชันที่ช่วยสนับสนุนอนาคตที่ยั่งยืนและสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ก้าวไปไกลกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อตอกย้ำกับคำมั่นสัญญาของบริษัทที่ว่า “Smarter. Greener. Together.”

…………………………..

เกี่ยวกับ บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน)

บริษัทฯ เริ่มดำเนินธุรกิจเมื่อปี พ.ศ. 2531 เป็นผู้ผลิตชั้นนำของโลกด้านโซลูชันการจัดการพลังงานและความร้อน โดยเดลต้า ประเทศไทย เป็นบริษัทในเครือของเดลต้า อีเลคโทรนิค์ อิ้งค์ ด้วยพันธกิจของบริษัทฯ ที่ว่า “มุ่งมั่นสร้างสรรค์ นวัตกรรมการใช้พลังงานสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพื่ออนาคตที่ดีกว่า” สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม

 

You may also like

“มนพร” เร่งขีดความสามารถท่าเรือแหลมฉบัง หารือ “Til” ดันความร่วมมือ รับการเพิ่มตู้สินค้าในอนาคต

“ม