เที่ยวไทยคึก! คาดยอดชาวจีนพุ่งแตะ 4.65 ล้านคน ดันต่างชาติเที่ยวไทยปี’66 ทะลุ 25.5 ล้านคน

เที่ยวไทยคึก! คาดยอดชาวจีนพุ่งแตะ 4.65 ล้านคน ดันต่างชาติเที่ยวไทยปี’66 ทะลุ 25.5 ล้านคน

เที่ยวไทยคึก!

คาดยอดชาวจีนพุ่งแตะ 4.65 ล้านคน

ดันต่างชาติเที่ยวไทยปี’66 ทะลุ 25.5 ล้านคน

………………………………………………

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดชาวจีนเที่ยวไทยในปี 2566 อาจแตะ 4.65 ล้านคน โดยการเร่งตัวของนักท่องเที่ยวจะเริ่มเห็นในช่วงไตรมาส 2 และยิ่งชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ตามการขยายเส้นทางการบินและความถี่ของเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยค่าบัตรโดยสารเครื่องบินและประกันที่เพิ่มขึ้น คงทำให้การใช้จ่ายท่องเที่ยวในไทยของชาวจีนอาจไม่เพิ่มจากช่วงก่อนโควิด ภายใต้งบประมาณที่จัดสรรเพื่อการท่องเที่ยวเท่าเดิม

จากการคาดการณ์ตลาดจีนเที่ยวไทยที่มาได้เร็วกว่าคาด ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงปรับประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2566 เป็น 25.5 ล้านคน (กรอบ 24-26 ล้านคน) ซึ่งจะสร้างเม็ดเงินสู่ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องราว 1.07 ล้านล้านบาท

………………………………………………..

จากการที่ทางการจีนได้ผ่อนคลายกฎระเบียบการกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศและการจำกัดจำนวนผู้โดยสายเที่ยวบินระหว่างประเทศจะถูกยกเลิกตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา กอปรกับทางการจีนเริ่มเปิดให้ชาวจีนเข้าทำหนังสือเดินทางและต่ออายุหนังสือเดินทาง (Passport) อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นข่าวดีต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย เพราะหลังจากที่มีการผ่อนคลายกฎระเบียบดังกล่าวชาวจีนได้ให้ความสนใจในการค้นหาข้อมูลการท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และแน่นอนว่าการผ่อนคลายกฎระเบียบครั้งนี้เร็วกว่าที่คาด ย่อมมีผลต่อทิศทางตลาดนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยในปี 2566 ที่น่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิม

  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การเร่งตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยในปี 2566 จะเริ่มเห็นชัดเจนในช่วงไตรมาส 2 และน่าจะก้าวกระโดดมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง แปรผันตามการขยายเส้นทางการบินและความถี่ของเที่ยวบินระหว่างจีนและไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยมีความเป็นไปได้ที่จำนวนเที่ยวบินต่อวันจากจีนมาไทยอาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าในระหว่างปี เมื่อเทียบกับประมาณ 1,035 เที่ยวบินในช่วงไตรมาสแรกปี 2566 หรือเฉลี่ยประมาณ 11-15 เที่ยวบินต่อวัน และเทียบกับในช่วงที่จีนปิดประเทศเฉลี่ยที่ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ซึ่งจะทำให้เที่ยวบินต่อวันในปี 2566 นี้อาจจะกลับมาราว 60-70% จากก่อนโควิด อย่างไรก็ตาม การกลับมาเปิดเส้นทางการบินจนถึง ณ ปลายปี 2566 อาจจะยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประมาณ 93 เที่ยวบินต่อวัน (รวมเช่าเหมาลำ) ในช่วงก่อนการระบาดของโควิดในปี 2562 เนื่องจากจำนวนชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศแม้เพิ่มขึ้นแต่อาจยังมีจำกัด และการจัดการด้านทรัพยากรรองรับคงต้องใช้เวลา อาทิ เครื่องบิน นักบิน พนักงานภาคพื้น เป็นต้น
  • การใช้จ่ายต่อทริปในไทยของชาวจีนในปี 2566 อาจไม่เพิ่มหากเทียบกับก่อนโควิดในปี 2562 เนื่องจากชาวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวต้องกันค่าใช้จ่ายเพื่อการเดินทาง (ค่าตั๋วเครื่องบินและค่าประกันสุขภาพ) สูงขึ้น บนเงื่อนไขการตั้งงบประมาณการเดินทางตลอดทริปที่เท่าเดิมจากสถานการณ์เศรษฐกิจและรายได้ที่ไม่ได้ดีขึ้น ยกเว้นว่านักท่องเที่ยวจะใช้เงินออมหรือเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในจีน แม้ว่าราคาบัตรโดยสารเครื่องบินระหว่างไทย-จีนได้ปรับลดลงมาอย่างมากเมื่อเทียบกับในช่วงที่จีนยังปิดประเทศ แต่ราคาบัตรของเส้นทางบินตรงยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงก่อนการระบาดของโควิดประมาณ 1.5 เท่า และสูงกว่า 200% ในเมืองที่ยังไม่มีเส้นทางบินตรง เนื่องจากในช่วงของการเริ่มเปิดประเทศปริมาณผู้โดยสายยังจำกัด ขณะเดียวกัน เนื่องจากต้นทุนในธุรกิจสายการบินยังสูง โดยเฉพาะราคาพลังงานที่มีแนวโน้มกลับมาสูงขึ้นหลังจากจีนเปิดประเทศ ทำให้ราคาบัตรโดยสารน่าจะยังทรงตัวสูง นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอย่างประกันสุขภาพ และการตรวจ PCR ก่อนที่ชาวจีนจะเดินทางกลับประเทศ ซึ่งเบี้ยประกันอาจมีราคาหลักพันบาทหรืออาจสูงกว่านี้ขึ้นอยู่กับอายุและระยะเวลาพำนักในไทย ดังนั้น หากนักท่องเที่ยวจีนมีงบการเดินทางเท่าเดิม ก็จะเหลือเม็ดเงินสำหรับการใช้จ่ายท่องเที่ยวน้อยลง อย่างไรก็ตาม ในช่วงถัดๆ ไปของปี หากการระบาดของโควิดบรรเทาลงและผู้ประกอบการกลับมาทำการตลาดมากขึ้น ก็มีโอกาสที่ค่าใช้จ่ายที่ต้องกันไว้นี้อาจจะลดลงและทำให้ชาวจีนมีเม็ดเงินใช้จ่ายระหว่างท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีได
  • มองไปข้างหน้า ยังคงต้องติดตามมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวจีนของต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ยุโรป เป็นต้น ซึ่งหากสถานการณ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากจากปัจจุบัน ประกอบกับการท่องเที่ยวระยะไกลมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า ก็ยิ่งมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่ชาวจีนที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยว จะเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทาง
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงมองว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 เมื่อเส้นทางการบินกลับมาขยายตัว ควบคู่กับการทำการตลาดของหน่วยงานท่องเที่ยวและผู้ประกอบการมีมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าไทยถูกเลือกเป็นหนึ่งในประเทศนำร่องของการฟื้นฟูการเดินทางแบบกลุ่มขนาดใหญ่ คงจะทำให้ชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวในไทยเร่งตัวขึ้นก้าวกระโดดจากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากจะมีฤดูกาลท่องเที่ยวของชาวจีนที่สำคัญ คือ ช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน (ระหว่างเดือนก.ค.-ส.ค. ของทุกปี) และช่วงวันหยุดยาววันชาติจีน (ในช่วงวันที่ 1-7 ต.ค. ของทุกปี)
  • สำหรับทั้งปี 2566 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยจะมีจำนวนประมาณ 4.65 ล้านคน หรือกลับมาประมาณ 42% ของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปี 2562 อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่สูงขึ้นอาจจะส่งผลต่องบประมาณการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในไทยที่อาจจะลดลงเมื่อเทียบกับปี 2562 ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การใช้จ่ายของชาวจีนเที่ยวไทยสู่ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องอาจจะมีมูลค่าประมาณ 1.86 แสนล้านบาท หรือกลับมา 36% ของการใช้จ่ายของชาวจีนเที่ยวไทยในปี 2562
  • จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนที่เร็วขึ้น ทำให้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ปรับประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยทั้งปี 2566 เป็น 25.5 ล้านคน (กรอบ 24-26 ล้านคน) จากเดิมที่คาดว่าจะมีจำนวน 22 ล้านคน (คาดการณ์ ณ วันที่ 9 ธ.ค. 65) ขณะที่การใช้จ่ายของชาวต่างชาติเที่ยวไทยสร้างรายได้สู่ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 1.07 ล้านล้านบาท

 

You may also like

พระราชทานผ้าไตรกฐิน

พระราชทา