เมื่อเศรษฐีน้ำมันถังแตก

เมื่อเศรษฐีน้ำมันถังแตก

 

เมื่อเศรษฐีน้ำมันถังแตก

มนูญ ศิริวรรณ

          ซาอุดิอาระเบียได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ร่ำรวยน้ำมัน ผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ยที่ 10 ล้านบาร์เรล/วัน มากเป็นอันดับสามของโลก ในยามที่น้ำมันดิบมีราคาสูงเกิน 100 $/bbl. ซาอุดิอาระเบียจึงเป็นเศรษฐีน้ำมัน จะใช้จ่ายเงินมากแค่ไหน อย่างไรก็ได้

          แต่ขณะนี้โลกเจอวิกฤตไวรัสโควิด-19 ทำให้ราคาน้ำมันลดลงมาต่ำกว่า 20 $/bbl. ถึงแม้สัปดาห์นี้จะกระเตื้องขึ้นมาบ้างก็ยังคงอยู่ที่ระดับ 30 $/bbl. ทำให้รายได้จากน้ำมันของประเทศในกลุ่มโอเปกหายไปเป็นจำนวนมาก

          ซาอุดิอาระเบียก็หลีกหนีชะตากรรมนี้ไม่พ้นเช่นเดียวกัน แถมยังหนักกว่าประเทศสมาชิกอื่นๆในกลุ่มเสียอีก เพราะในฐานะประเทศผู้นำกลุ่มโอเปกอย่างไม่เป็นทางการ และเป็นผู้ที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในกลุ่ม จึงจำต้องแสดงบทบาทในการเป็นผู้นำลดการผลิต โดยลดการผลิตน้ำมันลงถึง 2.5 ล้านบาร์เรล/วัน ตามข้อตกลงของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร (OPEC+) ที่ให้ลดการผลิตลง 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน

          นอกจากนั้น เพื่อดึงราคาน้ำมันให้ขึ้นมาจากระดับ 20 $/bbl. ซาอุดิอาระเบียยังได้สั่งให้บรรษัทน้ำมันแห่งชาติ (NOC) ของตน คือ บรรษัท ซาอุดิอารามโค ให้ลดการผลิตในเดือนมิ.ย.ลงอีก 1 ล้านบาร์เรล/วัน ทำให้การส่งออกน้ำมันของซาอุดิอาระเบียในเดือนมิ.ย.จะอยู่ที่ 7.5 ล้านบาร์เรล/วันเท่านั้น (ต่ำสุดในรอบ 18 ปี) ลดลงจากเดือนเมษายนซึ่งเป็นเดือนที่ผลิตน้ำมันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึงเกือบ 5 ล้านบาร์เรล/วัน

          ดังนั้น สำหรับซาอุดิอาระเบียจึงเท่ากับได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มากกว่าประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายอื่น เพราะรายได้จากน้ำมันลดลงทั้งจากราคาที่ต่ำลงและปริมาณการผลิตที่ลดลงคิดเป็นเงินมากมายมหาศาล ส่งผลกระทบต่อรายได้ของรัฐ ทำให้สำรองเงินตราต่างประเทศของธนาคารชาติลดลงถึงเดือนละ 27,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (8.7 แสนล้านบาท)

          เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดดุลงบประมาณ สัปดาห์ที่แล้วรมต.คลังของซาอุดิอาระเบียได้ประกาศมาตรการรัดเข็มขัดเพื่อต่อสู้กับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อปีค.ศ. 2018 และประชาชนยังไม่คุ้นเคยดี) อีก 3 เท่า จาก 5% เป็น 15% เริ่มตั้งแต่ 1 ก.ค. ปีนี้ เป็นต้นไป และยังประกาศตัดงบช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับผู้ที่ทำงานภาครัฐคนละ 1,000 ริยาดห์อีกด้วย

          เมื่อรวมมาตรการทั้งหมดแล้วจะทำให้รัฐบาลประหยัดรายจ่ายและมีรายได้สูงขึ้นรวมกัน 26,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (8.5 แสนล้านบาท) ซึ่งจะทำให้การขาดดุลทางการคลังลดลงจาก 15% ของจีดีพี มาอยู่ที่ 13% ของจีดีพี ในขณะที่ปีที่แล้วอยู่ที่ 4.5% และคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 6.4%

          ใครเลยจะคิดว่าโควิด-19ก็ทำให้เศรษฐีน้ำมันถังแตกได้ !!!

 

You may also like

คปภ.เดินหน้า! เปิดเวทีสัมมนาวิชาการด้านประกันภัย ประจำปี 2567 “Thailand Insurance Symposium 2024”

 นายชูฉั