เมื่อ “มอลโดวา” จะกลายเป็นยูเครนแห่งที่สอง

เมื่อ “มอลโดวา” จะกลายเป็นยูเครนแห่งที่สอง

เมื่อ “มอลโดวา” จะกลายเป็นยูเครนแห่งที่สอง

ผศ.ดร.กฤษฎา พรหมเวค

คณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

เมื่อสองวันที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้ฟังบทสัมภาษณ์ของนาย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ « Сергей Викторович Лавров» รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ปีค.ศ. 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งได้ออกมาแถลงและให้สัมภาษณ์ทางสื่อมวลชนของรัสเซียช่อง РИА Новости และช่อง Россия 24 ฉบับเต็มเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง 20 นาที เกี่ยวกับการเมืองและกิจการภายในของมอลโดวา โดยระบุว่า วิกฤตในยูเครนยังตึงเครียดอยู่ในระดับแนวหน้า มอสโกถูกขังให้อยู่ในการต่อสู้ทางภูมิรัฐศาสตร์กับวอชิงตัน โดยสหรัฐฯ กีดกันสหภาพยุโรปจากการแสดงท่าทีที่เป็นอิสระและพันธมิตรชาติตะวันตกไม่ต้องการให้การสู้รบยุติลง พร้อมทั้งกล่าวถึงมอลโดวาว่าเป็น “ศูนย์กลางการต่อต้านรัสเซีย” «антироссийским центром» แห่งต่อไปถัดจากยูเครน  “นี่เป็นหนึ่งในประเทศที่ตะวันตกต้องการเปลี่ยนให้มาต่อต้านรัสเซีย” «Это одна из стран, которую Запад хочет превратить в очередную анти-Россию» นาย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ ได้กล่าวเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า มอลโดวากำลังเดินตามเส้นทางของยูเครนตาม “แผน” ของประเทศตะวันตก และกำลังจะเป็นยูเครนแห่งที่ 2 «второй Украиной» หรือกำลังจะเป็น  “ยูเครนรายต่อไป” « следующей Украиной» คำกล่าวดังกล่าวกระตุ้นความวิตกกังวลของประชาชนชาวมอลโดวาเกี่ยวกับโอกาสที่รัสเซียจะถูกโจมตี รวมถึงยังสร้างความวิตกกังวลให้กับชาวโลกว่าสงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนกำลังขยายตัวและลุกลามออกไป

เคยมีการวิเคราะห์กันเอาไว้ว่า “หากความขัดแย้งขยายออกไปนอกยูเครน มอลโดวาจะกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเสี่ยงมากที่สุด” มอลโดวาไม่ได้เป็นสมาชิกของ NATO และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป (EU) เช่นเดียวกับยูเครน แม้ว่าจะมีความพยายามที่จะสมัครเป็นสมาชิกของทั้ง 2 องค์กรก็ตาม นอกจากนี้มอลโดวายังมีสถานการณ์คล้ายกับยูเครนเนื่องจากมีประชากรกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่โปรรัสเซียจำนวนมาก โดยมอลโดวาเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดเป็นอันดับ 2 จากทั้งหมด 15 สาธารณรัฐของอดีตสหภาพโซเวียต  ก่อนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต มอลโดวาเคยเป็นส่วนหนึ่งของประเทศโรมาเนียมาก่อนโดยมีชื่อในทางประวัติศาสตร์ว่า “เบสซาราเบีย” «Бессарабия» 

เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายและมอลโดวาได้เอกราชในปี ค.ศ. 1992 เป็นต้นมา รัสเซียได้สนับสนุนกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในทรานส์นีสเตรีย«Приднестровье»  ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุง “คีชเนา” เมืองหลวงของมอลโดวา ไปเพียงราว 80 ก.ม. ปัจจุบันมีประชากรอยู่ราว 500,000 คน เป็นภูมิภาคที่ประชากรส่วนใหญ่พูดภาษารัสเซียและต้องการที่จะรักษาความสัมพันธ์กับรัสเซียเอาไว้  รัสเซียได้ประกาศว่าดินแดนทรานส์นีสเตรีย ซึ่งประกาศแยกตัวออกจากมอลโดวาจะได้รับการคุ้มครองจากมอสโก  เพราะคนเชื้อสายรัสเซียที่นั่นถูกข่มขู่คุกคามโดยรัฐบาลมอลโดวาที่มีผู้นำรัฐบาลที่สนับสนุนตะวันตกเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในแคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ของยูเครน

เมื่อวันจันทร์ที่ 25 เมษายน ปี ค.ศ. 2022 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุรุนแรงในเมือง “ติราสโปล”  «Тирасполь » เมืองหลวงของพวกแบ่งแยกดินแดนทรานส์นีสเตรีย โดยเกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้นที่ตึกทำการของกระทรวงความมั่นคงของรัฐที่ควบคุมโดยรัสเซีย หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นเสาอากาศที่ใช้ในการส่งสัญญาณวิทยุของรัสเซียในเมือง “มายแอก” «Маяк» เขตกริโกริโอโปล «Григориопольском районе»  ที่อยู่ใกล้กัน 2 จุดในเมืองนั้นถูกระเบิด  หลังเกิดเหตุไม่มีผู้ใดออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นักวิชาการตะวันตกได้กล่าวหารัสเซียว่าเป็นฝ่ายสร้างสถานการณ์เพื่อหาเหตุที่จะโจมตีทางทหารแก่มอลโดวา โดยหน่วยข่าวกรองทางทหารของยูเครนซึ่งปฏิบัติงานในทรานส์นีสเตรียอ้างว่า ได้พบแผ่นพับจำนวนมากที่กระตุ้นให้ผู้พูดภาษารัสเซียที่นั่นลุกขึ้นก่อเหตุ  โดยปกติแล้วตามรัฐธรรมนูญสาธารณรัฐมอลโดวา ปี ค.ศ.1994 มาตรา 11 กำหนดให้ มอลโดวามีสถานภาพรักษา “ความเป็นกลาง” อย่างถาวร และไม่อนุญาตให้มีการติดตั้งกองกำลังติดอาวุธของรัฐอื่น เพราะต้องการที่จะป้องกันไม่ให้ประเทศเล็กๆ อย่างมอลโดวาถูกลากเข้าสู่ความขัดแย้งที่ตนไม่ต้องการจะเข้าไปมีส่วนด้วย ปัจจุบันรัสเซียมีทหารประมาณ 1,500 นายประจำการอยู่ในดินแดนทรานนิสเทรีย โดยอ้างว่าเป็น “กองกำลังรักษาสันติภาพ” มีหน้าที่ในการปกป้องพลเมืองรัสเซียในพื้นที่ดังกล่าวและเพื่อรักษาสันติภาพระหว่างมอลโดวาและทรานส์นิสเทรีย กองทหารของรัสเซียดังกล่าวทำให้ยูเครนกังวลว่า กองกำลังเหล่านั้นจะถูกนำมาใช้โจมตียูเครนจากทางตะวันตก

นาย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ ยังกล่าวว่า  “โดยหลักแล้ว พวกเขา (ตะวันตก) สามารถกำหนดตำแหน่งผู้นำของประเทศมอลโดวา ด้วยวิธีการเฉพาะ ซึ่งห่างไกลจากความเป็นประชาธิปไตย  ประธานาธิบดีของมอลโดวา (นางไมอา ซานดู) «Майя Григорьевна Санду» มีความหลงใหลและกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมกับ NATO เธอมีสัญชาติโรมาเนียและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเข้าร่วมกับนาโต้ รวมถึงการรวมมอลโดวาเข้ากับโรมาเนีย โดยเธอปฏิเสธที่จะกลับมาทำงานในรูปแบบ “5 + 1” ที่เคยดำเนินการมาก่อนหน้านี้ต่อไป ซึ่งเป็นการมีส่วนร่วมของรัฐบาลคีชเนา, รัฐบาลติราสโปล  (เมืองหลวงของพวกแบ่งแยกดินแดนทรานส์นีสเตรีย) รัสเซีย, สหรัฐอเมริกา, UN และ องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE)

นายดาเนียล โวดา « Даниела Водэ » โฆษกกระทรวงการต่างประเทศมอลโดวา ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียว่า “เป็นส่วนหนึ่งของวาทศิลป์คุกคามทางการทูตของรัสเซียที่รู้จักกันดี” “กระทรวงต่างประเทศมอลโดวาขอเตือนฝ่ายรัสเซียว่า “เส้นทางที่มอลโดวากำลังดำเนินอยู่คือเส้นทางของการเข้าร่วมสหภาพยุโรป นี่เป็นการตัดสินใจที่ได้รับการสนับสนุนจากพลเมืองของเรา” “ไม่ว่าความชอบทางการเมืองหรือภูมิรัฐศาสตร์ของชาวมอลโดวาจะเป็นอย่างไร พวกเขาต้องการสันติภาพ เสรีภาพ และประชาธิปไตย และเราจะขอบคุณทุกประเทศรวมถึงรัสเซียที่เคารพการตัดสินใจของพลเมืองของเรา มอลโดวาได้เลือกอนาคตของตนแล้ว และอนาคตนี้คือการเป็นส่วนหนึ่งของโลกเสรี”

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 20 มกราคม  ปี ค.ศ. 2023 ที่ผ่านมานางไมอา ซานดู  ประธานาธิบดีของสาธารณรัฐมอลโดวา ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์  Politico ว่ามีการหารือกันอย่างจริงจังในมอลโดวาเกี่ยวกับความสามารถของประเทศในการป้องกันตัวเองและความเป็นไปได้ในการเข้าร่วมกับ “พันธมิตรที่ใหญ่กว่า”  (นาโต้) ความขัดแย้งในยูเครนทำให้เกิดการประเมินความเป็นกลางของสาธารณรัฐตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญใหม่ โดยประธานาธิบดีไมอา ซานดู กล่าวว่า “หากถึงจุดหนึ่ง เราในฐานะประเทศหนึ่งได้ข้อสรุปว่าเราต้องเปลี่ยนความสถานะความเป็นกลาง สิ่งนี้ควรเกิดขึ้นโดยผ่านกระบวนการประชาธิปไตย”  โดยมอลโดวาได้สมัครเข้าร่วมสหภาพยุโรปหลังจากเริ่มการรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบของรัสเซีย ในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 2022  ทำให้มอลโดวาและยูเครนได้รับสถานะเป็นผู้สมัครเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป

ในขณะที่นายลีโอนิด อิวาโนวิช คาลาชนิคอฟ «Леонид Иванович Калашников» รองประธานสภาดูมาของรัสเซียออกมากล่าวตอบโต้ในประเด็นนี้ว่า “การเข้าร่วม NATO อาจนำไปสู่การทำลายความเป็นรัฐของมอลโดวา”

ขณะที่นายอนาโตลี โนสาทตึย «Анатолий Носатый»” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของมอลโดวาได้กล่าวย้ำว่าขณะนี้สาธารณรัฐมอลโดวายังไม่พร้อมที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การนาโต้ เนื่องจาก “ชาติยังต้องการยุทโธปกรณ์ของกองทัพอีกมาก” ในเวลาเดียวกัน รัฐมนตรีอนาโตลี โนสาทตึยชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์ในยูเครนบังคับให้รัฐบาลมอลโดวาต้องพิจารณาสถานะปัจจุบันของกระทรวงกลาโหมใหม่ สาธารณรัฐมอลโดวาไม่สามารถรับมือกับความท้าทายในปัจจุบันได้ทั้งหมด และสถานะของความเป็นกลางทำให้ประเทศของเรา “เผชิญหน้ากับปัญหา”

นางมาเรีย ซาคาโรวา «Мария Владимировна Захарова»  โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ได้ออกมาแถลงเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ปี ค.ศ. 2022 ว่า “มอลโดวามีความพยายามในการควบคุมชีวิต สังคม และการเมืองและปลูกฝังความรู้สึกเกลียดชังรัสเซียตามแนวทางของตะวันตกที่เคยใช้ได้ผลในรัฐบอลติก” “ทางการมอลโดวาพยายามบีบไม่ให้ประชาชนในมอลโดวาใช้ภาษารัสเซีย” และ “กำลังพยายามเขียนประวัติศาสตร์ใหม่” เธอได้กล่าวไว้ก่อนหน้านั้นว่า “ตะวันตกพยายามดึงมอลโดวาเข้าสู่การรณรงค์ต่อต้านรัสเซียตามสถานการณ์ของยูเครน” “มอลโดวามีความพยายามในการปลุกกระแสความหวาดกลัวรัสเซีย หรือ “Russophobia ” ขึ้นในสาธารณรัฐและมีความพยายามกดขี่ทางการเมืองแก่ประชาชนเชื้อสายรัสเซียในมอลโดวา

นอกจากนี้นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ ยังประเมินโอกาสของประเทศอดีตสหภาพโซเวียตอื่นๆ ที่จะเดินตาม “เส้นทางยูเครน” ตะวันตก “กำลังพยายาม” ที่จะสร้างอิทธิพลในเอเชียกลาง แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง นาย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ ยังกล่าวอีกว่า ”พวกเขา (ตะวันตก) ยังพยายามทำให้จอร์เจียกลายเป็น “ผู้ต่อต้านรัสเซีย” “พวกเขาต้องการเปลี่ยนจอร์เจียให้กลายเป็นอีกประเทศหนึ่งที่สร้างความขุ่นเคืองสำหรับรัสเซียอีกครั้ง เพื่อให้สถานการณ์กลับคืนสู่ช่วงเวลาที่ก้าวร้าวแบบที่เกิดขึ้นในสมัยประธานาธิบดีมีเคอิล “ซาคัชวิลี” «саакашвиливским» โดยอ้างถึงความขัดแย้งทางอาวุธหรือที่เรียกว่าสงครามห้าวันระหว่างรัสเซียกับจอร์เจียที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2008 แต่ในทางกลับกัน แม้จะมีแรงกดดันจากชาติตะวันตกอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน จอร์เจียยังคงสนใจที่จะสร้างมิตรภาพกับรัสเซีย และพวกเขาก็ปฏิบัติตามผลประโยชน์ของชาติ “ โดยก่อนเริ่มสงครามในยูเครน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียกล่าวว่าประเทศเพื่อนบ้านกำลังถูกทำให้เป็น “ขั้วตรงข้ามของรัสเซีย” พวกเขากำลังเปลี่ยนยูเครน “ให้ต่อต้านรัสเซีย”

การให้สัมภาษณ์ของนายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟยังมีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจซึ่งผมจะหาโอกาสมาวิเคราะห์บทสัมภาษณ์ของนายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟอย่างละเอียดอีกครั้งในภายหลัง สงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย – ยูเครน จะขยายตัวออกไปหรือไม่  และมอลโดวาจะเป็น “ยูเครนรายต่อไป” ตามที่นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ได้ออกมาแถลงและให้สัมภาษณ์เอาไว้หรือไม่

        เราต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไป

You may also like

เผย 7 แนวทาง อาคารรับมือช่วงมรสุมหลังแผ่นดินไหว “ทัช พร็อพเพอร์ตี้”แนะ จุดไหนต้องเฝ้าระวังเพิ่ม

เผย 7 แน