เรื่องดังระดับโลกจบ แต่ “การเมืองไทย” ยังไม่จบ!?!
ข่าวดังระดับโลกที่ได้รับความสนใจติดตามลุ้นระทึกจากผู้คนนานาประเทศก็จบลงด้วยความเรียบร้อยสวัสดี ทั้งดีใจ และโล่งใจ
เรื่องแรกต้องยกให้การรวมพลังร่วมใจของมวลมนุษยชาติช่วยเหลือ 13 ชีวิตเยาวชนนักเตะทีม “หมูป่า” ที่ติดในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงรายออกมาจากถ้ำด้วยความปลอดภัยทุกคนที่โลกต้องบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกของการกู้ภัยในถ้ำ
ลำดับที่สอง ก็เป็นมหกรรมกีฬาฟุตบอลโลกของมวลมนุษยชาติเช่นกันที่ได้จบลงไปแล้วเช่นกัน โดย “ฝรั่งเศส” เป็นแชมป์โลกสมัยที่ 2 ห่างจากสมัยแรกเมื่อปี 1998 ปีนี้ 2018 ก็ 20 ปีพอดี
ปรากฏว่าผู้คนทั่วโลกสนใจติดตามปฏิบัติการอันเหลือเชื่อในการช่วยเหลือ 13 หมู่ป่า มากกว่า “ฟุตบอลโลก” ซะอีก!!
ซึ่งเป็นที่น่ายินดีสำหรับ “ประเทศไทย” ที่คนทุกวงการตั้งระดับผู้นำโลกไปจนถึงเด็กเล็ก ๆ รู้จักมากขึ้นว่าที่นี่ประเทศไทยอยู่ที่ในบนแผนที่โลก
แต่ทว่าสถานการณ์การเมืองไทยยัง “ไม่จบ” เพราะการเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้นตามโรดแม็พ!!
ความเคลื่อนของพรรคการเมืองต่าง ๆ ไม่ว่าจะพรรคดั้งเดิมหรือพรรคใหม่เอี่ยมต่างก็เดินหน้าไปอย่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ
เนื่องจาก คสช. ไม่เปิดล็อกถ้ำให้นักการเมืองออกมากระโดดโลดเต้นได้อย่างเต็มที่ทีเคยทำ!!
ด้วยเหตุฉะนี้ พรรคการเมืองก็ใช้ยุทธวิธีเล่นกิจกรรมการเมืองแบบครึ่งใบไม่ให้ผิดคำสั่งของ คสช. ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็น และวิธี “ดูด”!!
โดนเฉพาะ “ดูด” นั้นทำให้ “กลุ่มสามมิตร” กำเนิดขึ้นมาทางการเมืองให้เป็นที่รู้จักกันในยุทธจักรที่ปฏิบัติการเดินสายดูดเพื่อให้เข้ามาอยู่ในค่ายเดียวกันที่มีชื่อพรรคว่า “พลังประชารัฐ” ที่กำลังรอใบรับรองจาก กกต.ให้จัดตั้งพรรคได้ตามกฎกติกา
ส่วนใครเป็นใครที่เป็นหัวหอก “กลุ่มสามมิตร” ในการดูดแบบไม่กลัวเมื่อยปาก ก็ต้องขออนุญาตไม่ฉายชื่อซ้ำอีก เดี๋ยวจะเอียนกัน!!็น
ที่สำคัญในการเดินสายดูดของแกนนำสามมิตรทำให้ชื่อเสียง “พรรคพลังประชารัฐ” โด่งดังทั่วฟ้าเมืองไทย ซึ่งรู้กันอย่างดีว่าเป็นพรรคการเมืองใหม่ที่สนับสนุนให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สืบอำนาจต่อในเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
สำหรับพรรคที่เดือดร้อนที่สุดและออกมาโวยวายมากกว่าพรรคอื่นคือ “พรรคเพื่อไทย” เพราะนักการเมืองในพรรคถูก “กลุ่มสามมิตร” เดินสายเจรจาให้ผู้ที่โดนดูดเข้ามาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ดังนั้นทั้งพรรคเพื่อไทยและ “กลุ่มสามมิตร” โวข่มทับกันตลอด ซึ่งกลุ่มสามมิตรคุยว่าดูดมาได้เยอะ แต่พรรคเพื่อไทยก็ประกาศว่าดูดไปได้ไม่กี่คน ส่วนใหญ่ดูดก็แค่หางแถวเท่านั้น
ว่ามาว่าความเคลื่อนไหวเรื่องดูดยุคนี้เหมือนเป็นกรรมสนองกรรม เพราะในอดีต “พรรคเพื่อไทย” ที่เคยใช้ชื่อ “พรรคไทยรักไทย” และ “พรรคพลังประชาชน” ก็เคยดูดทั้งนักการเมืองและหลายพรรคให้ยุบพรรคมาอยู่ด้วยกัน!?!
เกจิทางการเมืองไทยเชื่อว่า การเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 จะเป็นการห้ำหั่นสู้ศึกกันดุเดือดเผ็ดมันระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” กับ พรรคการเมืองที่สนับสนุน “บิ๊กตู่” อย่างแน่นอนมิต้องสงสัย
อีกพรรคการเมืองใหม่ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษมาก ๆ ก็คือ “พรรครวมพลังประชาชาติไทย” ที่มี “ท่านเทพเทือก” เสี่ยสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำนกหวีด เป็นผู้ออกแรงขับเคลื่อนให้ประชาชนที่ชื่นชอบ “นกหวีด” เป็นล้าน ๆ คนร่วมกันบริจาควันละ 1 บาทมาสนับสนุนพรรค
ซึ่ง “ท่านเทพเทือก” ได้ประกาศเสียงดังว่า “พรรครวมพลังประชาชาติไทย” เป็นมิตรกับทุกพรรคการเมืองที่มีเจตนารมณ์ทางการเมืองตรงกัน!!
แม้ว่า “พรรครวมพลังประชาชาติไทย” ยังไม่บอกตรง ๆ เหมือน “พรรคพลังประชารัฐ” ว่าสู้เลือกตั้งเพื่อให้ “บิ๊กตู่” เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก แต่ก็ไม่เคยบอกว่ารังเกียจ “ลุงตู่” ประการใด
เรา ๆ ท่าน ๆ พอจะนึกมโนภาพภายหลังเลือกตั้งตามโรดแม็พแล้วว่า พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย และพรรคการเมืองเก่าขนาดกลาง รวมทั้งพรรคการเมืองใหม่หลายๆ พรรคจะจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลตามกติการัฐธรรมนูญฉบับครึ่งใบ
ถ้าการเลือกตั้งเป็นเกมที่ได้ออกแบบมาดังกล่าว “พรรคเพื่อไทย” ก็ต้องเป็นฝ่ายค้านอย่างสมเกียรติ
สำหรับ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตยจะไปอยู่กับข้างไหนภายหลังเลือกตั้งแล้ว ณ เวลานี้ไม่มีใครสามารถเดาใจได้ว่าจะเอายังไงแน่??
เพราะจะอยู่ซีก “ฝ่ายค้าน” หรือ “รัฐบาล” ก็มีเหตุผลข้ออ้างทำเพื่อชาติได้เช่นกัน
เกมการเมืองวันนี้ยังไม่จบ แต่หลังจากที่ประชาชนทั่วประเทศได้ตัดสินใจจากการกาบัตรแล้วก็จะรู้ว่าการเมืองจะจบอย่างไร
ที่แน่ ๆ ทางการเมือง ก็คือความไม่แน่นอน ทราบแล้วเปลี่ยน!!
นายจักรยาน
Social Links