เลขาฯ สคบ.ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีปรากฏข่าวพาดพิง สคบ. เรื่อง รมต.แทรกแซงการทำงาน

เลขาฯ สคบ.ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีปรากฏข่าวพาดพิง สคบ. เรื่อง รมต.แทรกแซงการทำงาน

เลขาฯ สคบ.ชี้แจงข้อเท็จจริง

กรณีปรากฏข่าวพาดพิง สคบ.

เรื่อง รมต.แทรกแซงการทำงาน

 ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อ ซึ่งมีการพาดพิงถึงสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่อสาธารณชน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า รัฐมนตรีแทรกแซงการทำงานของ สคบ. เพื่อประโยชน์ทางคดีของบริษัทเอกชน และตั้งคำถามว่า “เคยมีเรื่องร้องเรียนกับ สคบ. ต่อบริษัทที่รัฐมนตรีเคยเป็นผู้บริหาร ขณะที่รัฐมนตรีได้รับมอบหมายให้กำกับดูแล สคบ. จึงไม่มีความเหมาะสม มีผลประโยชน์ทับซ้อนและเกี่ยวข้องกับคดีต่าง ๆ ที่ สคบ. กำกับดูแลหรือไม่” ซึ่งข่าวดังกล่าวสื่อให้เข้าใจคลาดเคลื่อน จึงขอทำความเข้าใจด้วยข้อเท็จจริง ดังต่อไปนี้

  1. สคบ. เคยรับเรื่องร้องทุกข์จากผู้บริโภคต่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว แต่ปัจจุบันเรื่องดังกล่าวยุติหมดแล้ว จากการค้นข้อมูลและรายงานของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบพบว่า มีเรื่องร้องทุกข์จำนวน 8 เรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยุติแล้ว 7 เรื่อง และอีก 1 เรื่อง ผู้ร้องทุกข์ได้มีการดำเนินคดีทางศาลแล้วกรณีดังกล่าวจึงถือเป็นเรื่องที่ยุติตามระเบียบคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ว่าด้วยการปฏิบัติราชการ เพื่อประชาชนของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2562
  2. พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้กำหนดให้ สคบ.เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้บริโภค โดยกระบวนการรับเรื่องร้องทุกข์และการไกล่เกลี่ยมีการกลั่นกรองทุกขั้นตอนตามระเบียบคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ว่าด้วยการปฏิบัติราชการ เพื่อประชาชนของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2562 ซึ่งมีขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจนและโปร่งใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการต่าง ๆ ที่มีองค์ประกอบจากบุคคลภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และหลายสาขาอาชีพ จากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ทำหน้าที่ในการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ของผู้บริโภค โดยในแต่ละเรื่องต้องพิจารณาตามหลักฐาน ข้อกฎหมาย เอกสารจากผู้ร้อง คู่กรณี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานที่ดินสาขา สำนักงานโยธาธิการ สำนักงานเขต สภาวิศวกร ผ่านระบบการไกล่เกลี่ยในคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ย และตรวจสอบโดยคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้บริโภคอีกชั้นหนึ่งก่อนเสนอเรื่องเพื่อพิจารณาในคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ถือเป็นกระบวนการตรวจสอบและถ่วงดุลในหลายขั้นตอน จึงไม่มีบุคคลใดสามารถใช้อำนาจในการแทรกแซงได้
  3. อันดับเรื่องร้องทุกข์ของ สคบ. ในปีงบประมาณ 2568 ได้แก่ 1) สินค้าและบริการทั่วไป 2) อสังหาริมทรัพย์ 3) ยานพาหนะ 4) สถานเสริมความงาม 5) ธุรกิจให้เช่าที่อยู่อาศัย 6) เครื่องใช้ไฟฟ้า 7) บริการจองตั๋วสายการบิน 8) ผู้ประกอบการท่องเที่ยว 9) เครื่องมือสื่อสาร 10) สถานออกกำลังกาย จะเห็นได้ว่า สคบ. เกี่ยวข้องกับทุกธุรกิจ และย่อมมีบุคคลจากทุกสาขาอาชีพถือหุ้นหรือบริหารในธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งการที่มีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเกี่ยวข้องกับธุรกิจก็เป็นเรื่องสัมมาอาชีพในทุกยุคทุกสมัย แต่เมื่อมีการเข้าสู่ตำแหน่งบริหาร ทุกคนย่อมรู้และปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย
  1. สคบ. ทำหน้าที่เปรียบเสมือนคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างสองฝ่าย ซึ่งการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมิได้มีเฉพาะ สคบ. เท่านั้น การดำเนินคดีในศาลก็มีระบบไกล่เกลี่ยเช่นกัน และหากไกล่เกลี่ยใน สคบ. ไม่เป็นผล หรือไม่เป็นคุณต่อผู้ร้องทุกข์ ผู้ร้องทุกข์ยังคงมีทางเลือกที่จะใช้สิทธิดำเนินคดีทางศาล จึงไม่มีเหตุผลความจำเป็นใดที่บุคคลภายนอกจะมาแทรกแซงการทำงานของ สคบ.
  2. การรายงานข้อมูลของข้าราชการต่อรัฐมนตรีต้องปฏิบัติให้ดีที่สุด เจ้าหน้าที่ สคบ.ก็มีมาตรฐานการปฏิบัติเฉกเช่นเดียวกัน โดยรายงานและสอบทานตามลำดับชั้นจากเจ้าหน้าที่สู่ผู้บังคับบัญชาอย่างตรงไปตรงมา แต่เมื่อเอกสารที่มีการนำไปเผยแพร่นั้น เป็น “ตารางแสดงผลการปฏิบัติงาน (บันทึกหลักฐานสำหรับเจ้าหน้าที่) ที่ สคบ. ดำเนินคดีแทนผู้บริโภค” โดยให้พนักงานอัยการฟ้องคดีแทนผู้บริโภคกับบริษัทที่ถูกร้องเรียนต่อศาลและมีการประนีประนอมยอมความแล้ว แสดงให้เห็นอย่างประจักษ์ว่า หากมีการทำผิดกฎหมาย สคบ. ก็ดำเนินคดีกับทุกคนโดยเสมอกัน ส่วนเอกสารที่ถูกนำไปเผยแพร่นั้น หากพบว่า มีการกระทำความผิด ก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนราชการต้นสังกัด การกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 และกฎหมายว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและความน่าเชื่อถือขององค์กร และรักษาประโยชน์ทางราชการเป็นสำคัญ โดยจะให้มีการสอบสวนตามระเบียบราชการและดำเนินการทางวินัยต่อไป

“ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส และยึดมั่นในหลักนิติธรรม เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน” เลขาธิการ สคบ. กล่าว

You may also like

คปภ. เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ต่อร่างแผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2569–2573)

คปภ. เปิ