แนวโน้มธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในไทย คนไทยเกิดน้อยลง เรียนน้อยลง แต่คนจีนยอดพุ่ง

แนวโน้มธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในไทย คนไทยเกิดน้อยลง เรียนน้อยลง แต่คนจีนยอดพุ่ง

แนวโน้มธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในไทย

คนไทยเกิดน้อยลง เรียนน้อยลง แต่คนจีนยอดพุ่ง

  • ในปี 2568 ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในไทยโต 9.7% ชะลอตัวจากปีก่อนหน้าเล็กน้อยจากจำนวนโรงเรียนนานาชาติที่เปิดใหม่ 8 โรงเรียน น้อยกว่าที่เปิดในปี 2567 อยู่ 5 โรงเรียน
  • โรงเรียนนานาชาติยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวไปสู่นอกกรุงเทพฯ มากขึ้น เนื่องจากพื้นที่ที่จำกัดและการแข่งขันที่สูงในเมืองหลวง
  • โรงเรียนกวดวิชามีแนวโน้มเช่นเดียวกันกับโรงเรียนนานาชาติ ในปี 2568 คาดรายได้ธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาจะเพิ่มขึ้น 9.2% โดยในช่วงปี 2564-2568 ภูมิภาคอื่นมีอัตราการเติบโตของรายได้ที่สูงกว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ ถึง 19.7%

ปี 2568 ภาพรวมจำนวนนักเรียนในไทยลดลง 1.1% แต่นักเรียนนานาชาติกลับเพิ่ม 8.3% (รูปที่ 2)

จำนวนนักเรียนไทยมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องตามสถิติการเกิด โดยการลดลงนี้มาจากจำนวนนักเรียนรัฐบาลและเอกชนหลักสูตรไทยที่ในปีนี้คาดว่าจะลดลง 1.1% และ 1.2% ตามลำดับ

ปี 2568 รายได้ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติโต 9.7% ชะลอลงจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัว 13.1% (รูปที่ 3) เนื่องจากจำนวนนักเรียนนานาชาติในปีนี้มีทิศทางขยายตัวที่ชะลอลง เพราะมีเพียง 8 โรงเรียนใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ น้อยกว่าปีที่แล้ว 5 โรงเรียน (รูปที่ 4)

ความนิยมหลักสูตรนานาชาติที่ทันสมัยยังคงหนุนการเติบโตของธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในไทย โดยผู้ปกครองที่มีศักยภาพการลงทุนด้านการศึกษายังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนจากการที่จำนวนคนไทยที่มีทรัพย์สินมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์คาดว่าจะเพิ่ม 24% ในปี 2566-2571

นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของนักเรียนต่างชาติเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะนักเรียนจีนที่คาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยชาวจีนในตำแหน่งสูงที่มาทำงานในไทยยังเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20.8% ต่อปีตั้งแต่ปี 2564-2567 ซึ่งนักเรียนชาวจีนที่ติดตามผู้ปกครองมาอยู่ในไทยก็มักจะเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ นอกจากนี้ การที่รัฐบาลจีนมีนโยบายส่งเสริมการใช้ภาษาจีนกลาง ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเรียนหลักสูตรนานาชาติในจีนสูงขึ้น ทั้งนี้ จากผลสำรวจ ปักกิ่ง เป็นเมืองที่มีค่าเรียนโรงเรียนนานาชาติสูงสุดในเอเชีย (รูปที่ 5) ส่งผลให้โรงเรียนนานาชาติในไทยนั้นเป็นที่สนใจสำหรับผู้ปกครองจีน

โรงเรียนนานาชาตินอกกรุงเทพฯ ยังคงมีแนวโน้มขยายตัว ระหว่างปี 2564-2568 จำนวนโรงเรียนนานาชาติในภูมิภาคนอกกรุงเทพฯ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 9.1% ในขณะที่กรุงเทพฯ มีอัตราเฉลี่ยหดตัว 1.7 % ต่อปี นอกจากนี้ อัตราการเติบโตของนักเรียนนานาชาติในภูมิภาคอื่น ยังสูงกว่ากรุงเทพฯราว 3.7% (รูปที่ 6)

การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นและพื้นที่จำกัดทำให้โรงเรียนนานาชาติหันไปสำรวจตลาดใหม่ๆ ในหัวเมืองหลัก เช่น เชียงใหม่, ระยอง, และภูเก็ต โดยเฉพาะในภาคกลางและตะวันออกที่มีครัวเรือนรายได้สูงรองจากกรุงเทพฯ (รูปที่ 7) แต่เนื่องจากจำนวนครัวเรือนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในภูมิภาคเหล่านี้น้อยกว่ากรุงเทพฯ ผู้ประกอบการจึงอาจต้องปรับลดค่าเล่าเรียนให้ตรงกับรายได้ของผู้ปกครองในแต่ละพื้นที่

ธุรกิจโรงเรียนกวดวิชามีแนวโน้มเดียวกับโรงเรียนนานาชาติ พื้นที่นอกกรุงเทพฯ มีอัตราการเติบโตของรายได้ที่สูงกว่า

ในปี 2568 รายได้ของธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาคาดขยายตัว 9.2% แตะ 3.3 พันล้านบาท (รูปที่ 8)

ธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาก็มีแนวโน้มขยายตัวนอกกรุงเทพฯ มากขึ้นเนื่องจากการแข่งขันที่สูง โดยระหว่างปี 2564-2568 รายได้ของธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาในกรุงเทพฯ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 4.2% ต่อปี ในขณะที่ ภูมิภาคอื่นนั้นสูงถึง 23.8% (รูปที่ 9) โดยสัดส่วนรายได้ของธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาที่มาจากกรุงเทพฯ มีทิศทางลดลงจากปี 2564 ที่อยู่ราว 83.2% ของรายได้ทั้งประเทศ สู่ระดับ 71.3% ในปีนี้

ทั้งนี้ ภาคกลางและตะวันออกก็เป็นตลาดศักยภาพถัดจากกรุงเทพฯ เช่นเดียวกับโรงเรียนนานาชาติ โดยในปี 2567 ภูมิภาคดังกล่าวมีจำนวนโรงเรียนกวดวิชาที่จัดตั้งใหม่มากที่สุดกว่า 37% ของทั้งประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับการที่มีจำนวนครัวเรือนที่มีรายได้เฉลี่ยมากกว่า 100,000 บาท/เดือนรองจากกรุงเทพฯ

ความเสี่ยงของธุรกิจโรงเรียนนานาชาติและกวดวิชา

  • การเพิ่มขึ้นของค่าเล่าเรียนโรงเรียนนานาชาติอาจทำให้ผู้ปกครองพิจารณาส่งบุตรหลานไปศึกษาในต่างประเทศแทน เนื่องจากช่องว่างระหว่างค่าเล่าเรียนเริ่มลดลง ในปี 2567 ค่าเรียนเฉลี่ยต่อปีของโรงเรียนประจำในนิวซีแลนด์สูงกว่าโรงเรียนนานาชาติในไทย 385,724 บาท แต่ค่าใช้จ่ายดังกล่าวรวมค่าอาหารและที่พักระหว่างปีการศึกษาแล้ว
  • โรงเรียนนานาชาติเผชิญความท้าทายจากโรงเรียนเอกชนหลักสูตรไทยที่มีการเสนอหลักสูตรหลายภาษา เช่น ไทย อังกฤษ และจีน ซึ่งผู้ปกครองบางกลุ่มอาจพิจารณาเปลี่ยนไปหลักสูตรนี้เพื่อความคุ้มค่า
  • การพัฒนาทางเทคโนโลยีทำให้การเรียนโฮมสคูลง่ายขึ้น และเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเรียนโฮมสคูลต่ำกว่าการเรียนในโรงเรียนนานาชาติ จึงอาจส่งผลกระทบต่อจำนวนนักเรียนในโรงเรียนนานาชาติได้ โดยค่าใช้จ่ายในการสอบ GED (เทียบวุฒิมัธยมปลายของสหรัฐฯ) รวมกับค่ากวดวิชาแบบเรียนตัวต่อตัว 100 ชั่วโมง จะอยู่ที่ประมาณ 160,800 บาท
  • การเข้าถึงสื่อการเรียนรู้และแนวข้อสอบโดยไม่มีค่าใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้นักเรียนอาจไม่จำเป็นต้องเข้ารับการเรียนเสริมที่โรงเรียนกวดวิชา

You may also like

AI มาทำงานแทนคนเป็นเรื่องจริง

AI มาทำง