แผนต่อท่ออำนาจผู้นำแต่ละประเทศ  ความเหมือนที่แตกต่างกัน??

 แผนต่อท่ออำนาจผู้นำแต่ละประเทศ  ความเหมือนที่แตกต่างกัน??

 

 แผนต่อท่ออำนาจผู้นำแต่ละประเทศ  ความเหมือนที่แตกต่างกัน??

 

       ไม่ว่าประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย หรือประเทศที่ปกครองด้วยระบบสังคมนิยมของโลกในปัจจุบันนี้

            สำหรับระบอบคอมมิวนิสต์ที่เคยดังในอดีตก็ค่อย ๆ สูญสลายหายไปตามกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปไม่หยุดนิ่ง  คำว่า “คอมมิวนิสต์” ได้กลายเป็น “สังคมนิยม” ที่ฟังดูแล้วดีกว่าคำเก่า

            ระบบประชาธิปไตยของแต่ละประเทศที่มีกติกามารยาทของผู้นำที่เข้ามาบริหารชาติบ้านเมืองแตกต่างกัน  บางประเทศให้อยู่ในเก้าอี้ 2 วาระ ซึ่งวาระของแต่ละประเทศก็ต่างกันคือ วาระละ 4 ปีบ้าง 5 ปีบ้าง  และบางประเทศก็ให้อยู่ยาววาระละ 6 ปี

            แต่ก็มีบางประเทศไม่ได้กำหนดวาระการอยู่ในเก้าอี้ เช่นประเทศอังกฤษ  เยอรมัน  ผู้นำของประเทศจะอยู่กี่สมัยก็ได้  ถ้าพรรคการเมืองของผู้นำนั้น ๆ ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนเข้ามาดูแลรับผิดชอบบ้านเมือง  จนกว่าประชาชนจะเบื่อ  เปลี่ยนใจไปเลือกพรรคอื่นเข้ามาบริหารแทน  ผู้นำของประเทศก็ต้องเปลี่ยนไปตามกฎกติกาที่มาจากหัวหน้าพรรคการเมืองนั้น

          ถ้าติดตามสถานการณ์การเมืองทั่วโลก ก็มีข่าวคราวว่าผู้นำของชาติประชาธิปไตยที่เสพติดในอำนาจในบางประเทศที่มีวาระอยู่ในเก้าอี้ไม่เกิน 2 ปี  ก็พยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ตำแหน่งผู้นำไม่มีวาระในการนั่งเก้าอี้ เพื่อสืบทอดอำนาจต่อไปอีกเรื่อย ๆ  ตามความเข้าใจของตนเองว่า ข้าเท่านั้นที่รับผิดชอบบ้านเมืองได้แต่เพียงผู้เดียว

          แต่ผู้นำที่คิดจะใช้อภินิหารทางกฎหมายต่อท่ออำนาจ ลืมนึกไปว่า ประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศนั้น ๆ จะลงคะแนนเลือกเข้ามาอีกหรือไม่??

          ที่แน่ ๆ แผนอยากมีอำนาจต่อไปไม่สิ้นสุดของหลายประเทศก็ต้องมี “ม็อบ” ออกมาประท้วงคัดค้านเป็นปกติธรรมดาของประชาธิปไตย  ส่วนสถานการณ์ตอนจบจะเป็นเช่นใดก็คงอยู่ที่อำนาจอธิปไตยของปวงชนประเทศนั้น ๆ

            หันมาดูประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของไทยคือ  ประเทศกัมพูชาที่ “สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซ็น” นายกรัฐมนตรีที่นั่งเก้าอี้มากว่า 35 ปี  ได้ใช้กลยุทธเทคนิคต่าง ๆ สืบทอดอำนาจมาจนถึงปัจจุบันนี้

            ข่าวคราวการเมืองของประเทศกัมพูชาที่ปรากฏในระยะนี้  “ท่านฮุนเซ็น” ได้ใช้ทีเด็ดอภินิหารทางกฎหมายยุบพรรคฝ่ายค้าน  ไม่มีสิทธิลงเลือกตั้งได้  พรรครัฐบาลของ “ท่านฮุนเซ็น” ก็ย่อมชนะสบายใจท่านผู้นำ

            เช่นเมื่อ่ไม่กี่วันที่ผ่าน  ประเทศกัมพูชามีการเลือกตั้ง ส.ว. ปรากฏว่าผู้สมัคร ส.ว.ของ “พรรคฮุนเซ็น” ได้รับชัยชนะทุกที่นั่งทั่วประเทศ

          แม้ว่าแผนสืบทอดอำนาจยาว ๆ ของ “ท่านฮุนเซ็น” จะได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางลบจากประเทศมหาอำนาจทางประชาธิปไตย          

            แต่ “ท่านฮุนเซ็น” ไม่สนใจ  เพราะถือว่ามาจากการเลือกตั้งของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย ใครจะทำไม??

          อีกประเทศหนึ่งที่เป็นประเทศมหาอำนาจโลกที่เป็นข่าวดังสะท้านโลก ก็คือ “ประเทศจีน” ที่กำลังจะแก้ไขรัฐธรรมนูญกำหนดให้ “ประธานาธิบดีของจีน” และ “รองประธานาธิบดีจีน”ให้สืบทอดอำนาจต่อไปอีกอยู่ในตำแหน่งโดยไม่มีวาระสิ้นสุด จากกติกาเดิมที่อยู่ได้เพียง 2 สมัย คือ 10 ปี

             “ท่านสีจิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีนปัจจุบันนี้จะครบ 5 ปีในวาระแรกในเร็ว ๆ นี้ได้สร้างสมอำนาจบารมีจนไร้เทียมทาน  ซึ่งที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ยังไง ๆ  ก็ต้องมีมติให้นั่งเก้าอี้ต่อไปอีกสมัย และให้นั่งเก้าอี้ผู้นำต่อไปล้านเปอร์เซ็นต์

            แหล่งข่าวระดับลึกของจีนปูดข่าวให้รู้ไปทั่วโลกว่า สาเหตุที่ต้องให้ “ท่านสีจิ่นผิง” นั่งเก้าอี้ต่อไปนานแสนนาน  ก็เพราะคณะกรรรมการระดับใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนยังไม่สามารถมองหา “ท่านผู้นำคนใหม่” มาสืบทอดอำนาจต่อจาก “ท่านสีจิ้นผิง” ได้  และ “ท่านสีจิ้นผิง” เป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดในการสืบทอดอำนาจไปยาว ๆ ไร้กำหนดเวลา  จนกว่า “ท่านสีจิ้นผิง” เบื่อขึ้นมา??

          ถ้ายังจำกันได้  “หลักการสีจิ้นผิง” ว่าด้วยอุดมการณ์สังคมนิยมสมัยใหม่  อันเป็นแนวคิดสังคมนิยมที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะสำหรับชาวจีนในศักราชใหม่  ซึ่งสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีมติแก้ไขให้บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญจีนเมื่อปลายปีที่แล้ว

            การสืบทอดอำนาจของจีนกับของที่นี่ประเทศไทย ดู ๆ แล้วมีความเหมือนที่แตกต่างกัน  เพราะใช้ “รัฐธรรมนูญ” เป็นช่องทางในการต่อท่ออำนาจ!?!

            ประเทศจีนนั้นใช้วิธีการปรับแก้ไขใน “รัฐธรรมนูญ” ที่ไม่เคยโดนฉีกทิ้ง   สำหรับประเทศไทยได้ร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ เพื่อให้มีอภินิหารทางกฎหมายสืบทอดอำนาจได้อย่างเนียน ๆ รวมถึงกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญก็เปิดอำนาจไว้ให้ต่อได้โดยไม่ผิดกฎกติกา

          ที่สำคัญในการสืบทอดอำนาจของทั้งจีนและไทยคล้าย ๆ กันในแนวคิดระบอบการปกครองประเทศ  ซึ่งผู้นำจีนได้ใช้แนวคิดสังคมนิยมที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะสำหรับชาวจีนในศักราชใหม่  ส่วนผู้นำไทยกำลังเดินสายให้ชาวบ้านทุกหมู่บ้านได้เข้าใจ “ประชาธิปไตยไทยนิยม” ที่เหมาะสมกับสังคมไทย!!

            ปัจจุบันนี้ “ท่านสีจิ้นผิง” ผู้นำจีนมีอายุ 64 ปี เมื่อครบอีกสมัยก็จะมีอยู่ 69 ปี และสืบทอดอำนาจไปเรื่อย ๆ ก็อาจมีอายุทะลุ 80 ปี หรืออาจอยู่จนถึงอายุ 90 ปีถ้าไม่หมดลมหายใจก่อน!?!

            สำหรับ “บิ๊กตู่” ของประเทศไทยตอนนี้ก็อายุ 63 ปี  ถ้ามีการเลือกตั้งในปลายปี 61 หรือต้นปี 62 “บิ๊กตู่” ของเราอายุได้ 64 ปี  ซึ่ง “โหร คมช.” วารินทร์  บัววิรัตน์เลิศ ได้ดูดวงชะตาของ “บิ๊กตู่”  ว่ายังมีภาระหน้าที่ในการบริหารบ้านเมืองรับใช้ชาติต่อไปอีก

            ถ้าการสืบทอดอำนาจตามแผนเป็นจริง  “บิ๊กตู่”  ก็จะสามารถลุย “ประชาธิปไตยไทยนิยม” ที่เหมาะกับสังคมไทยต่อไปอีกจนกว่าชาวบ้านทั่วแคล้นแดนไทยจะซึมซับในสมอง

            ส่วนจะอยู่ครบวาระ 4 ปี  หรือทะลุต่อไปได้อีกสมัยหรือไม่  ก็ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ ณ วันนี้

            ก็ขอรบกวน “โหร คมช.” ช่วยดูดวงของ “บิ๊กตู่” ว่ามีวาสนาทางอำนาจหรือไม่??

 

        นายจักรยาน

         

           

           

         

             

           

             

You may also like

มาสเตอร์การ์ดเปิดตัว Pay Local เพิ่มช่องทางผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลในเอเชีย รับชำระเงินจากผู้ถือบัตรมาสเตอร์การ์ดกว่า 2 พันล้านราย

มาสเตอร์