โควิด-19″ ดื้อไม่ยอมสลายตัวไปจากโลก  เหตุไฉน “ลุงตู่” จะ “ดื้อ” นั่งเก้าอี้ให้นานที่สุดไม่ได้??

โควิด-19″ ดื้อไม่ยอมสลายตัวไปจากโลก  เหตุไฉน “ลุงตู่” จะ “ดื้อ” นั่งเก้าอี้ให้นานที่สุดไม่ได้??

โควิด-19" ดื้อไม่ยอมสลายตัวไปจากโลก  เหตุไฉน "ลุงตู่" จะ "ดื้อ" นั่งเก้าอี้ให้นานที่สุดไม่ได้??

นายจักรยาน

                สถานการณ์ "โควิด-19" ไวรัสหฤโหด  ยังโหดร้ายต่อมวลมนุษยชาติไม่หยุดไม่หย่อนตั้งแต่ปลายปี 2562  ระเบิดเถิดเทิงตลอดปี 2563 เลยทะลุมาปี 2564 จนใกล้สิ้นปี 2564 ในอีกสองเดือนกว่าข้างหน้า

               "โควิดนรก" ไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนแรงลงประการใด  แม้ว่าโลกจะมียาและวัคซีนฉุกเฉิน พร้อมทั้งมาตรการต่าง ๆ ออกมายับยั้งสกัดกั้นไม่ให้เจ้าเชื้อมหาวายร้ายอาละวาดได้ตามใจชอบ

                แต่ก็มิสามารถทำให้ "โควิดยมทูต" ตัวนี้หยุด "ดื้อ" ในการแพร่กระจายพิษร้ายของตนเองได้

               ไม่มีกูรูทางด้านไวรัสวิทยาประเทศไหนยืนยันได้ว่า "โควิด-19" จะค่อย ๆ ซาลงไปในวันใดปีไหน

                ถ้าทุกประเทศในโลกนี้มัวแต่รอให้ "โควิดอำมหิต" หมดฤทธิ์ลง  ก็ไม่รู้ว่าจะรออีกกี่ปีนานวันแค่่ไหน??

                หลาย ๆ ประเทศจึงได้ประกาศเปิดประเทศของตนเองเสียที  ให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวได้ตามปกติ หลังจากที่ซบเซาร้างผู้คนท่องเที่ยวไปมานาน 2 ปี

                ซึ่งในช่วงต้น ๆ มีข้อแม้ว่าคุณมีใบรับรองฉีดวัคซีนครบโดสหรือยัง!?!

                เพื่อให้ "โควิด-19" รู้ว่า  เมื่อเจ้าดื้อมาไม่ยอมหายไปง่าย ๆ ในโลกใบนี้   มนุษย์ก็ขออยู่กับความดื้อของเจ้าตัาร้าย

            การที่ทุกประเทศเปิดประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลกให้หมุนไปหมุนมาไม่หยุดชะงัก  มีการพัฒนาเติบโตไปตามสถานการณ์ของประเทศนั้น ๆ

                เนื่องจากเศรษฐกิจของโลกหยุดไม่ได้  มิฉะนั้นแล้วประชากรโลกจะหยุดหายใจจากเหตุอดตายไม่มีจะกินไปมากกว่าความร้ายของ "ไวรัสยมบาล"

                เมื่อคนทั้งโลกพร้อมใจสามัคคีกันประกาศสู้กับความ "ดื้อ" ของ "โควิด-19" ดีไม่ดีจะทำให้ "ไวร้สโควิด" งงก็ได้  พ่นพิษของตัวเองไม่ถูก??

            ที่นี่ประเทศไทย "ลุงตู่" ก็ประกาศเช่นกันว่า จะเปิดประเทศไทยให้คนมาเที่ยวได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2564 เป็นต้นไป

            โดยมีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ให้เข้มน้อยลง  ลดเวลาเคอร์ฟิวลงจากเดิมมาเป็นเวลา 23.00 – 03.00 น.  เพื่อให้ประชาชนได้ทำมาหากินได้ตามปกติตั้งแต่เช้ามืดเป็นต้นไป

                ไม่มีใครในประเทศไทยรู้ว่าการเปิดประเทศจะสู้กับความ "ดื้อ" ของ "โควิดทุกสายพันธุ์" ให้นะจังงังได้หรือไม่

                เพราะยังมีผู้ติดเชื้อโควิดนรกวันละหมื่นคนต้น ๆ สลับกับเฉียดใกล้ ๆ หมื่นคนในบางวัน  ซึ่งนับว่าเป็นความเสี่ยงการระบาดรอบใหม่ของประเทศไทย

                เรา ๆ ท่าน ๆ ก็ต้องรอผลพิสูจน์ตลอดทั้งเดือน พ.ย.นี้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อคงที่หมื่นคนต้น ๆ เหมือนเดิม  ก็ไม่มีอะไรที่ต้องน่าวิตกกังวลอะไรนัก

                พอถึงวันที่ 1 ธ.ค. 64 ก็อนุญาตให้คนเข้าไปนั่งดิ๊งสุราเฮฮาตามผับบาร์ได้  ก็ต้องรอดูผลที่ออกมาอีกเช่นกันไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ว่า จะทำให้ "โควิด-19*" รีเทิร์นมาระบาดเถิดเทิงกระจายไปทั่วประเทศหรือไม่

                นับว่าเป็น "ความเสี่ยง" ที่ "ลุงตู้" รู้ว่าต้องกล้าสู้กับความเสี่ยง เพื่อให้เศรษฐกิจของไทยได้มีโอกาสค่อย ๆ เร่งเครื่องให้ชีวิตของคนรวยคนจนดำเนินชีวิตไปตามปกติแบบ "New Normal" ที่ต้องทำตัวเองทั้งแบบใหม่และแบบเก่าให้เคยชิน

                ความเสี่ยงดังกล่าว  "ลุงตู่" รู้ดีว่าต้องเสี่ยงกับ "เสียงด่า" ที่ติดตามมาจากผู้ที่ไม่เห็นด้วย

                โดยเฉพาะเสียงด่าจากนักการเมืองคนละขั้วที่พ่นออกมาจากปากก็เป็นปกติทางการเมือง  เพื่อซ้ำเติม "ลุงตู่" ล่วงหน้า??

                แต่ทว่ากลุ่มธุรกิจหอการค้า อุตสาหกรม และการท่องเที่ยวให้ความเห็นในทิศทางชื่นชม!!

                ก็ว่ากันไปตามประสามันสมองของมนุษย์ที่ต้องมีทั้งเสียง "ด่า" และ เสียง "ชม" เป็นธรรมดาของมนุษย์ทุกสายพันธุ์

                สำหรับสถานการณ์การเมืองไม่ว่าที่ไหนในโลกมักจะมีโรค "ดื้อ" ของท่านผู้นำทั้งหลายในโลกเบี่ยว ๆ บูด ๆ ใบนี้  และเป็นโรค "ดื้อ" มีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์นายนมกาเลกว่า "โควิด-19"??

            โดยเฉพาะ "ดื้อ" ขฮนั่งเก้าอี้เบอร์ 1 ให้นานที่้สุดที่เป็นไปตามกฎกติกามารยาทของรัฐธรรมนูญประเทศนั้น ๆ  และยอมดื้อรับเสียง "ด่า" จาะฝ่ายตรงข้ามที่สาดใส่เข้ารูหูของท่านผู้นำทุกวัน

                "ฝ่ายค้าน" ของแต่ละประเทศคงไม่ "ดื้อ" ที่เป็นฝ่ายค้านนาน ๆ แน่   แต่ขอ "ตื๊อ" ด่าถล่มใส่ท่านผู้นำด้วยรสชาติคำพูดเปรี้ยวเผ็ดเด็ดสะเด่าให้แซบนัว  จนกว่าท่านผู้นำจะเลิก "ดื้อ" บ๊ายบายจากเก้าอี้!?!

                ข่าวคราวของท่านผู้นำไทย "ลุงตู่" ที่กระพือลือออกมาเหมือนว่าจะขออนุญาตนั่งเก้าอี้ต่อไปอีกในสมัยเลือกตั้งครั้งหน้าอีก 4 รวมกับระยะเวลา ณ ขณะนี้ก็ 5 ปี

                แต่ทว่าโฆษกรัฐบาล ได้ออกมาอรรถาธิบายว่า "ลุงตู่่" ไม่ได้ขออยู่ต่อไปอีก 5 ปี เพียงแต่พูดว่าให้รอดูผลงานของ "ลุงคู่" ที่ได้ทำลงไปนั้นจะเห็นผลภายใน 5 ปี!!

                ด้วยเหตุฉะนี้ คำพูดทางการเมืองจึงต้อง "ตีความ" ให้กระจ่างชัด   แต่วาจาทางการเมืองก็มักจะพูดให้คลุมเครือสับสนตีความไปได้คนละมุมสองมุนจนถึงสามมุม

                ณ ปัจจุบันนี้  ไม่่มีใครล่วงรู้ได้ว่า "ลุงตู่" จะ "ดื้อ" อยู่่ต่อไปให้ครบระยะเวลา 5 ปีตามข่าวปล่อย ข่าวลวง  ข่าวลือ ที่เกิดขึ้นมาหรือไม่??

                แม้ว่า "ลุงตู่" จะไม่ยืนยันอย่างมั่นเหมาะจะดื้อนั่งเก้าอี้ "นายกรัฐมนตรี" ต่อไปอีกสมัย   แต่ทว่า พรรค พปชร. ของ "ลุงป้อม" ได้ประกาศตั้งแต่ไก่โห่ว่าจะเสนอชื่อ "ลุงตู่" ให้กลับมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในนามของพรรคอีกสมัยตามกติกาของรัฐมนตรีที่ให้นั่งเก้าอี้ไม่เกิน 2 สมัย!!

            ประเด็นสำคัญก็คือ ยังไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่า "ลุงตู่" จะสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร. โดยลงสมัครปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 หรือเป็นบุคคลภายนอกพรรคที่เสนอ "ลุงตู่่" เข้ามาเป็นแคนดิเดทกับพรรคอื่นเหม้อนที่ผ่านมา??

                เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็ต้องเฝ้าจับตาดูอย่าได้กะพริบตา  เพราะการเมืองอะไร ๆ ก็บังเกิดขึ้นมาได้อย่างไม่คาดคิดให้ตะลึงตึงตึง

                ที่แน่ ๆ จากคำให้สัมภาษณ์ในหลาย ๆ โอกาส  เหมือนกับว่า "ลุงตู่" ขอ "ดื้อ" ไม่ประกาศ "ยุบสภา" ตามกระแสที่กระแซะกระทุ้งและกระทืบตลอดเวลา ณ ขณะนี้

            อ๊ะ อ๊ะ  เมื่้อ "ไวรัสโควิดทุกสายพันธุ์" ดื้อขอแสดงฤทธิ์เดชอันร้ายกาจให้นานที่สุดให้โลกได้จารึกไว้

            แล้วเหตุไฉน "ลุงตู่" จะขอ "ดื้อ" ไม่ยุบสภา และ "ดื้อ" น้่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกสมัย  ใครจะทำไม??

 

You may also like

เปิดตัวดัชนีชี้วัดความปลอดภัยของเด็ก บนโลกออนไลน์ทั้งในระดับชาติและระดับโลก

เปิดตัวด