100 ปีข้างหน้าจะมี "ไวรัสมัจจุราช" อุบัติขึ้นมาให้มนุษย์ได้เห็นอีก??
นายจักรยาน
สถานการณ์ของโลกวันนี้ยังทำสงครามสู้รบกับ "โควิด-19"สายพันธ์เดลต้า กองทัพปีศาจที่มองไม่เห็นกันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช
ไม่มีประเทศไหนในโลกที่รอดพ้นจาก "ไวรัสมัจจุราช" ล้างมวลมนุษยชาติตัวนี้ได้แม้แต่ประเทศเดียว
มนุษย์บางจำพวกก็ร่วมเป็นพันธมิตรกับ "ไวรัสอำมหิต"เดลต้า ในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพื่อนมนุษย์โลกด้วยกัน โดยไม่สนใจร่วมมือกันในมาตรการต่าง ๆ ของแต่ละประเทศที่งัดออกมาสู้กับ "ไวรัสเพชฌฆาต"
นักการเมืองก็ใช้ "การเมือง" มาแย่งชิงอำนาจกันในหลาย ๆ ประเทศ ไม่ใยดีว่าประชาชนจะต้องสังเวยชีวิตจาก "ไวรัสนรก" มากน้อยเพียงใด
สำหรับที่นี่ประเทศไทย มีการขับไล่ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทุกวันสามเวลาหลังอาหาร และก่อนนอน
เหมือนว่าไล่ "ลุงตู่" ลงจากอำนาจได้สำเร็จแล้ว ฤทธิของ "ไวรัสมหาประลัย"แห่งโลกยุคนี้จะถูกไล่ไปด้วย
ดีไม่ดี เจ้าเชื้อไวรัสนักฆ่า อาจอาละวาดโจมตีชีวิตประชาชนตาดำ ๆ หนักหน่วงมากขึ้นก็ได้
เพราะไวรัสพันธุ์ดุตัวนี้ ไม่เคยไว้ใจนักการเมืองหน้าไหน ไม่ว่าจะอยู่ขั้วไหน ใครไปใครมาก็เรื่องของมึง แต่กูลุยฆ่ามนุษย์อย่างเดียวให้หนำใจจนกว่าจะพอใจ
ดังนั้นกรุณาอย่าขี้ตู่ว่า "โควิด-19" เป็นพวกของตนที่ไม่ชอบอุจจาระหน้าผู้นำทั้งโลก
เหตุการณ์การเมือไทยเรื่องยุ่ง ๆ ในการไล่ส่ง "ลุงตู่" ก็มี "นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย" ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียน เป็นเพื่อนถูกไล่จาก "ฝ่ายค้าน" ในประเทศของตนเช่นกัน
"ลุงตู่" ก็เลยไม่เหงาหงอย มีผู้นำเพื่อนบ้านทางแดนใต้โดนไล่แบบเดียวกัน!!
ส่วนผู้นำประเทศในกลุ่มอาเซียนอื่น ๆ ไม่มีข่าวออกมาจากสื่อต่าง ๆ ว่าถูกไล่พ้นจากเก้าอี้!!
ไม่ว่าท่านผู้นำจะถูกไล่ หรือยังไม่ถูกไล่ ก็ต้องวิ่งสู้ฟัดกับภัยร้ายของ "ไวรัสหฤโหด" ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างอุตลุด ไม่สามารถรู้ว่าจะ End Game เมื่อไหร่!!
ด้วยเหตุฉะนี้ทุกประเทศได้เปลี่ยนแผนจากเดิมทีจะลุยฉีดวัคซีนให้ประชาชน 50 % ของประชากร ขยับเพิ่มจำนวนเป็น 70 % ของประชากรประเทศตน
แต่เมื่อเจ้าไวรัสโควิดดุยิ่งขึ้น ก็เลยต้องขยับเป้าตะลุยฉีดให้ประชาชนจากเดิม 50 %เป็น 70 % จึงต้องเร่งระดมฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันหมู่ของประชาชนเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ส่วนเด็กเล็กและทารกยังห้ามฉีด คงต้องรอจนกว่าจะมีการวิจัยคิดค้นวัคซีนป้องกัน "ไวรัสโควิด-19" ที่ฉีดได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงคนชราที่ยังมีลมหายใจอยู่
ว่ามาว่า "ไวร้สล้างโลก" ที่ระเบิดเถิดเทิงในประเทศไทยจะถึงสุดพีคในเดือนสิงหาคม นี้ แล้วก็จะค่อย ๆ ซาลงไปตามธรรมชาติ??
เท็จจริงประการใด ก็ต้องรอดูกันในเดือนกันยายนไปจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2564
จากประวัติศาสตร์ของเชื้อโรคร้ายถล่มโลกน้้น ได้มีการบันทึกไว้ว่าทุก 100 ปีจะมีไวรัสนักฆ่าอุบัติใหม่มาเยี่ยมเยียนมนุษย์โลกเพื่้อสอนบทเรียนแก่มนุษย์ด้วยกันเป็นเวลาประมาณ 2 ปี
สิ้นปี 2564 ก็ครบ 2 ปีพอดี ไม่รู้ว่า "โควิด-19" จะค่อย ๆ หายไปตามธรรมชาติของโรคร้ายที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในแต่ละ 100 ปีหรือไม่!?!
และยังไม่รู้เช่นกันว่าในวันข้างหน้าวัคซีนป้องกันฤทธิร้ายของ "โควิด-19" ที่คิดค้นพัฒนาใหม่ต้องฉีดกันเป็นประจำปี หรือว่าฉีดเข็มเดียวคุ้มกันไปตลอดชีวิต
ในอีก 100 ปีข้างไม่อาจรู้ว่าจะมี "ไวรัสล้างโลก" ตัวใหม่มาเข่นฆ่ามนุษย์ให้โหดเหี้ยมกว่าเดิมหรือไม่??
ที่แน่ ๆ มนุษย์ยุคนี้ไม่มีโอกาสได้เห็น "ไวรัสหฤโหด" ตัวใหม่ โดยเฉพาะมนุษย์ที่ประเเสริฐ และมนุษย็งีเง่าได้หายไปจากโลกนี้เรียบร้อยแล้ว
เหลือเพียงทารกแรกเกิดในวันนี้บางคนที่อาจมีชีวิตยืนยาวอยู่ถึง 100 ปีข้างหน้าก็จะได้เห็นกะตา!!
ณ วันนี้และเวลานี้ ขอให้มนุษย์โลกทุกคนหายใจสะดวกปลอดภัย สวัสดี!!
Social Links