“นิวซีแลนด์”สบช่องค้าไทย ผ่านโครงการ”นิวซีแลนด์สร้างสรรค์ด้วยใจ” เน้นอาหาร-เครื่องดื่ม ชูปลอดภัย-ยั่งยืน

“นิวซีแลนด์”สบช่องค้าไทย ผ่านโครงการ”นิวซีแลนด์สร้างสรรค์ด้วยใจ” เน้นอาหาร-เครื่องดื่ม ชูปลอดภัย-ยั่งยืน

“นิวซีแลนด์”สบช่องค้าไทย

ผ่านโครงการ”นิวซีแลนด์สร้างสรรค์ด้วยใจ”

เน้นอาหาร-เครื่องดื่ม ชูปลอดภัย-ยั่งยืน

             ฯพณฯ นายเดเมียน โอคอนเนอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และส่งออก ประเทศนิวซีแลนด์ และว่าที่เอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย นายโจนาธาน คิงส์ ร่วมเป็นประธานเปิดงาน “นิวซีแลนด์สร้างสรรค์ด้วยใจ” (New Zealand Made With Care) ซึ่งเป็นโครงการสำคัญในการเปิดประตูสินค้าอาหารและเครื่องดื่มจากนิวซีแลนด์สู่นานาชาติ ณ ห้องอาหารศิลาดล โรงแรม สุโขทัย กรุงเทพ งานในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ ฯพณฯ นายเดเมียน โอคอนเนอร์ ได้มาเยือนหลังประเทศไทยมีการเปิดประเทศหลังสถานการณ์โควิด-19 เพื่อตอกย้ำความสำคัญในฐานะคู่ค้ารายใหญ่ที่มีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน

                หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และสถานการกลับสู่สภาวะเกือบที่จะเป็นปรกติ ก็เป็นเวลาอันดีของการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศอีกครั้ง ฯพณฯ นายเดเมียน โอคอนเนอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และส่งออก ประเทศนิวซีแลนด์ ได้มีกำหนดการเดินทางเยือนพันธมิตรทางการค้าของนิวซีแลนด์ทั่วโลกอย่างเป็นทางการ เพื่อให้ทุกประเทศได้รับรู้ว่า “ประเทศนิวซีแลนด์พร้อมแล้วที่จะกลับมาทำธุรกิจกับท่านอีกครั้ง” โดยเป็นครั้งแรกที่ฯพณฯ นายเดเมียน โอคอนเนอร์ ได้มาเยือนหลังประเทศไทยมีการเปิดประเทศหลังสถานการณ์โควิด-19 ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นพันธมิตรทางการค้าที่สำคัญและเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับเก้าของนิวซีแลนด์

                ในปี 2564 นิวซีแลนด์มีมูลค่าการส่งออกสินค้ามายังไทย รวมกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (28,670 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 19% จาก 1.07 พันล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (24,000 ล้านบาท) จากปี 2563 โดยกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เป็นกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุด มีมูลค่ากว่า 723 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (15,800 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจาก 692 ล้านดอลลาร์ (15,160 ล้านบาท) กลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมในไทยมาอย่างยาวนาน คือ สินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่มระดับพรีเมี่ยม อาทิ ผลิตภัณฑ์จากนม ผลไม้ เนื้อสัตว์ และ อาหารทะเล

                • สินค้าส่งออกอันดับหนึ่งมายังไทย คือ กลุ่มนมและผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม มีมูลค่ารวมถึง 603 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (13,200 ล้านบาท)  คิดเป็นยอดกว่า 73.7% ของมูลค่าการส่งออกสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม

                • กลุ่มผลไม้ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าส่งออก 90 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์  (1,972 ล้านบาท)  ผลไม้ยอดนิยมในกลุ่มลูกค้าชาวไทย คือ แอปเปิ้ล กีวี่ อะโวคาโด ลูกพลับ เชอรี่ สตรอเบอรี่ และ บลูเบอร์รี่

                • กลุ่มสินค้าที่เติบโตอย่างโดดเด่น คือ กลุ่มเนื้อสัตว์ ซึ่งมีมูลค่าส่งออกรวมในปี 2564 ถึง 40 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (890 ล้านบาท) เติบโตมากขึ้นถึง 22%

                • และกลุ่มสินค้าน้องใหม่ที่กำลังเติบโตในประเทศไทยขณะนี้ คือกลุ่มอาหารบรรจุพร้อมขาย (branded packaged food) ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยในเรื่องสุขภาพและความยั่งยืน อาทิเช่น น้ำมันอโวคาโด ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลไม้ น้ำผึ้ง ซีเรียล รวมถึงขนมแบรนด์ยอดนิยมต่างๆจากนิวซีแลนด์ อาทิ เช่น ช๊อคโกแลต และคุ้กกี้

                ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ส่งผลให้ยอดส่งออกยังสามารถขยายตัวได้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ท่ามกลางความท้าทายเป็นอย่างมากในด้านการบริหารระบบซัพพลายเชน และทางนิวซีแลนด์จะยังคงให้ความสำคัญกับการเดินทางมาพบปะกับพันธมิตรต่างๆอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้การสนับสนุนด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาการค้าให้เกิดการเติบโตร่วมกันในอนาคต

                ในการ“นิวซีแลนด์สร้างสรรค์ด้วยใจ” เดินทางมาเยือนในครั้งนี้ ฯพณฯ นายเดเมียน โอคอนเนอร์ และว่าที่เอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย นายโจนาธาน คิงส์ ได้ร่วมเป็นประธานเปิดงาน (New Zealand Made With Care) ซึ่งเป็นกิจกรรมสำคัญที่จัดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับผู้มีส่วนสนับสนุนส่งเสริมสินค้านิวซีแลนด์ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มนิวซีแลนด์ เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย สื่อท้องถิ่น และลูกค้ากิตติมศักดิ์ อาทิ คุณสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ คุณสุพัตรา จิราธิวัฒน์ คุณวิกรม กรมดิษฐ์ ดร. สมบัติ ธีระตระกูลชัย คุณโชค บูลกุล  คุณพลภัทร สุวรรณศร คุณดิลิป ราชากาเรีย คุณพิศิษฐ์ ภูสนาคม ฯลฯ

                โครงการ “นิวซีแลนด์สร้างสรรค์ด้วยใจ” นี้ เป็นแคมเปญระดับโลกที่มีการทำการตลาดบูรณาการผ่านทุกช่องทางไปยังคู่ค้าหลักในอุตสาหกรรมและผู้บริโภค และมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา และมีการทำกิจกรรมการตลาดต่างๆร่วมกับคู่ค้าสำคัญ อาทิ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (โลตัส) บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ฯลฯ โดยหัวใจของโครงการนี้ คือการสะท้อนความมุ่งมั่นของชาวนิวซีแลนด์ในการสรรหาผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มระดับพรีเมี่ยมที่คัดสรรมาอย่างดีที่สุดสำหรับผู้บริโภคชาวไทย ทั้งผลิตภัณฑ์นม เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผัก ผลไม้ น้ำผลไม้ ไวน์ อาหารเพื่อสุขภาพ และส่วนผสมต่างๆ

                นอกเหนือจากคุณภาพและความอร่อย เนื้อหาสำคัญของแคมเปญ ยังเน้นใน 3 หัวใจสำคัญ คือ เรื่องความปลอดภัย เรื่องโภชนาการ และเรื่องจริยธรรม ซึ่งแนวคิดของแคมเปญนี้ มาจากผลจากงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า ผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียให้ความสำคัญกับผู้ผลิตที่ดำเนินการด้วยปรัชญา “Kaitiakitanga” ซึ่งเป็นคำในภาษาเมารีที่แปลว่า “ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมและผู้คน” ปรัชญานี้จึงถูกนำใช้เป็นรากฐานสำคัญในทุกๆส่วนของแคมเปญ ซึ่งโอกาสทางการตลาดในประเทศไทยของกลุ่มสินค้าที่เน้นในเรื่องเหล่านี้มีสูงมาก เพราะฐานของกลุ่มลูกค้าหลักในไทยเป็นกลุ่มวัยกลางคน อายุระหว่าง 30 – 64 ปี และมีรายรับที่ค่อนข้างสูง (ข้อมูลจากยูโรมอนิเตอร์) ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นลูกค้าหลักของสินค้าอิมพอร์ตที่เน้นคุณภาพ และคนกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องการบริโภคอย่างใส่ใจ (Conscious Consumerism)  พร้อมยอมจ่ายให้กับกลุ่มสินค้าที่ดีต่อโลก ดีต่อสังคม ซึ่งเทรนด์การเติบโตของผู้บริโภคกลุ่มนี้เป็นโอกาสทางการตลาดให้กับธุรกิจในไทยที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้เช่นกัน ซึ่งเรามีความเชื่อมั่นว่า คู่ค้าชาวไทยจะเป็นกลุ่มหลักที่ได้ผลบวกทางธุรกิจจากสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่มีเรื่องราวดีๆจากนิวซีแลนด์อย่างแน่นอน

                และในงานเลี้ยงครั้งนี้ ทางสถานทูตนิวซีแลนด์ได้เรียนเชิญ เชฟวุฒิศักดิ์ วุฒิอัมพร เซเลบริตี้เชฟ ผู้มีชื่อเสียงด้านการรังสรรค์ศิลปะแห่งอาหารด้วยความใส่ใจ นำนานาวัตถุดิบชั้นเลิศจากนิวซีแลนด์มาปรุงและสร้างสรรค์ “Food Art Exhibition” การแสดงศิลปะจากอาหารสุดพิเศษจากส่วนผสมและวัตถุดิบจากภูมิภาคต่างๆของนิวซีแลนด์รวมทั้งสิ้น 14 เมนู ใช้วัตถุดิบและส่วนผสมหลัก 17 ชนิด ที่มาจากพื้นดินและท้องทะเลอันสมบูรณ์

              นอกเหนือจากนี้ สำนักงานพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย ยังเตรียมแผนกิจกรรมการตลาดต่างๆเพื่อสนับสนุนคู่ค้าและลูกค้าชาวไทยอย่างต่อเนื่อง อาทิ “New Zealand Made with Care x LINE MAN” กิจกรรมไฮไลท์ที่จะจัดขึ้นในปลายเดือนมิถุนายนร่วมกับแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ยักษ์ใหญ่ LINE MAN เพื่อส่งตรงผลิตภัณฑ์ชั้นดีของนิวซีแลนด์ตรงสู่ประตูบ้านของลูกค้าทุกคน โดยทางสำนักงานพาณิชย์ฯหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องนี้ จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับคู่ค้ารายสำคัญ และสนับสนุนผู้ส่งออกในนิวซีแลนด์ที่ต้องการจัดหาผลิตภัณฑ์นิวซีแลนด์ระดับพรีเมียมที่สดใหม่ให้กับผู้บริโภคชาวไทย ให้มีความมั่นใจในการทำธุรกิจร่วมกันอย่างยั่งยืน

 

 

You may also like

อานิสงส์สงครามการค้า หนุนส่งออกไทยเดือน ต.ค.โตพุ่ง  14.6%

  การส่ง