61 ปีแห่งการพิชิตอวกาศและการเดินทางท่องไปในอวกาศของ”ยูริ กาการิน”

61 ปีแห่งการพิชิตอวกาศและการเดินทางท่องไปในอวกาศของ”ยูริ กาการิน”

61 ปีแห่งการพิชิตอวกาศและการเดินทางท่องไปในอวกาศของ"ยูริ กาการิน"

ดร.กฤษฎา พรหมเวค

คณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

                วันที่ 12 เมษายน ค.ศ.1961 ยูริ อะเลคเซเยวิช กาการิน (Юрий Алексеевич Гагарин) นักบินอวกาศคนแรกสัญชาติโซเวียตได้เดินทางไปกับยานอวกาศ ‘วอสตอค 1’ (Vostok 1) ระยะเวลา 108 นาทีสุดมหัศจรรย์ที่ยูริอยู่บนห้วงอวกาศ หาใช่เพียงชัยชนะทางอวกาศของโซเวียตอย่างที่โหมกระแสกันในยุคนั้นไม่ แต่ผ่านไป 61 ปี แห่งการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์ ยูริ กาการินเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้เห็นโลกกลมๆ ใบนี้แล้วกลับมาบอกเล่าเรื่องราวที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั้งโลก

                ภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ระบาดไปทั่วโลก และสถานการณ์ร้อนของสงครามรัสเซีย – ยูเครนที่เป็นอยู่ในปจจุบัน จะมีอะไรดีไปกว่าการชวนให้ผู้อ่านทุกท่านได้มองย้อนไปในประวัติศาสตร์กับเรื่องราวหนหลังอันเป็นตำนานนี้

                ยูริ กาการิน เป็นมนุษย์ที่ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศเป็นคนแรกของโลก หลังจากสหภาพโซเวียตประสบความสำเร็จในการส่งดาวเทียม “สปุตนิค” ขึ้นสู่วงโคจรของโลกได้เป็นครั้งแรก 4 ปีก่อนหน้านั้น ยูริ กาการิน ในวัย 27 ปี มีความสามารถในการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว สามารถควบคุมตัวเอง ท่ามกลางแรงกดดันมหาศาล และบุคลิกยิ้มเก่ง ได้รับเลือกให้เป็นนักบินอวกาศที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับสหภาพโซเวียต

                การส่งมนุษย์ขึ้นสู่อวกาศของสหภาพโซเวียตในสมัยนั้นเต็มไปด้วยความน่าหวาดหวั่น ยังไม่ปลอดภัยเหมือนในสมัยปัจจุบันนี้ เพราะยังไม่มีใครเคยเดินทางสำเร็จมาก่อน  มนุษยชาติยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับการรอดชีวิตในอวกาศ ดังนั้นความเสี่ยงที่กาการินจะเสียชีวิตเพราะปัญหาที่อาจเกิดขึ้นแม้แต่เพียงเล็กน้อยจึงมีความเป็นไปได้อย่างมาก  ตลอดภารกิจเที่ยวบินที่กินเวลานานถึง 108 นาที เกิดปัญหาต่าง ๆ ขึ้นมากมายตั้งแต่ต้นจนจบ แต่การคุมสติอย่างยอดเยี่ยมของ ยูริ กาการิน ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ภารกิจครั้งนี้ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี การกลับมายังโลกอย่างปลอดภัย ทำให้ยูริ กาการินได้รับการยกย่องในฐานะวีรบุรุษของสหภาพโซเวียต และในฐานะ “มนุษย์คนแรกที่พิชิตอวกาศ”

               นับเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของมนุษยชาติ อีกทั้งยังเป็นการตบหน้าสหรัฐอเมริกา อย่างแรง เพราะในช่วงเวลานั้นถือได้ว่าเป็นยุคบุกเบิกอวกาศในช่วงสงครามเย็น สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตต่างแข่งขันกันส่งมนุษย์ออกไปยังอวกาศเป็นประเทศแรก  ผู้นำสหภาพโซเวียตได้ใช้ปฏิบัติการของยูริ กาการิน เรียกความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของพลเมืองในประเทศและเยาะเย้ยสหรัฐอเมริกาได้อย่างเต็มปาก  การบุกเบิกอวกาศของยูริ กาการิน ยังทำให้มนุษยชาติเข้าใจอวกาศมากขึ้นและเป็นจุดกำเนิดแห่งการค้นหาความลับของอวกาศ การส่งกระสวยอวกาศออกไปปฏิบัติการนอกโลก และการสร้างสถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอสเอส) ให้นักบินอวกาศได้ใช้ปฏิบัติการระยะยาว

                ยูริ กาการิน เกิดเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ปี  ค.ศ.1934 ในหมู่บ้านเล็กๆ ห่างจากมอสโกไปทางทิศตะวันตกหลายร้อยกิโลเมตรเป็นลูกคนที่ 3 จากลูกทั้งหมด 4 คนของครอบครัวชนชั้นแรงงานในสหภาพโซเวียต พ่อเป็นช่างไม้ แม่ทำงานรีดนมวัว ครอบครัวของยูริได้รับผลกระทบจากการรุกรานของนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก เมื่อเรียนจบ เขาไปทำงานในโรงงานเหล็ก ก่อนจะเรียนต่อด้านอาชีวะ โดยช่วงนั้นยูริเรียนขับเครื่องบินไปด้วย ความที่เป็นลูกชนชั้นแรงงาน ทำให้ขาไม่มีเงินมากนัก ต้องหารายได้พิเศษ ต้องไปทำงานกรรมกรที่ท่าเรือ เมื่อเรียนจบยูริก็มุ่งหน้าตามความฝัน นั่นก็คือการเข้าร่วมกองทัพอากาศของสหภาพโซเวียต และได้พบรักกับภรรยาซึ่งเรียนจบแพทย์มา ทั้งสองแต่งงานกัน มีลูกสาวด้วยกัน 2 คน

                ด้วยความโดดเด่น ทำให้ยูริเป็นตัวเลือก 20 คน ให้คณะกรรมการพิจารณาว่าจะเป็นมนุษย์ที่จะเดินทางไปนอกโลกหรือไม่ โดยต้องเข้าโปรแกรมคัดเลือกทดสอบมากมาย ยูริเป็นคนหนุ่มที่เฉลียวฉลาดโดดเด่นกว่าตัวเลือกคนอื่นๆ เขาเรียนรู้ไว จาก 20 ตัวเลือก ยูริโดดเด่นเข้าตากรรมการ โดยมีคู่แข่งอีกคน ทั้งสองคนมีความโดดเด่นพอๆ กัน 2 ปีหลังการฝึกหนัก ในที่สุดก็มาถึงบทสรุป ต้องมีการตัดสินว่าใครจะได้เป็นนักบินอวกาศคนแรก การตัดสินนี้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนและถูกส่งไปให้นิกิต้า ครุชชอฟ ยังผู้นำของสหภาพโซเวียตในตอนนั้นเลือก โดยทีแรกนิกิต้าต้องการให้มนุษย์ที่จะเดินทางไปอวกาศคนแรกของโลกมีภูมิหลังเป็นชนชั้นกลาง เพื่อสื่อนัยยะว่า ชนชั้นกลางที่เป็นกระฏุมพีก็สามารถประสบความสำเร็จในโซเวียตได้ ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นชนชั้นแรงงานเท่านั้น อย่างไรก็ดีนิกิต้าได้รับคำแนะนำจากหลายๆ คนให้เลือกยูริดีกว่า

                เช้าวันพุธที่ 12 เมษายน ค.ศ.1961 ยูริ กาการิน วัย 27 ปี เข้าไปนั่งในกระสวยอวกาศวอสตอค 1 ตามเวลาท้องถิ่นคือ 09.07 น. กระสวยถูกจุดขึ้นพุ่งทะยานฟ้า ขณะนั้นยูริก็ตะโกนออกมาว่า Поехали! (“Poyekhali”) แปลเป็นไทยให้ได้รสชาติว่า “ได้เวลาลุย” แม้จรวดจะพายูริออกไปนอกโลกแค่ 108 นาทีก็ตาม แต่มันก็กลายเป็น 108 นาทีที่กลายเป็นประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้ในทันที

                ตัวยูริ กาการินเองกลายเป็นคนดัง เป็นตำนาน ได้รับรางวัลเกียรติยศมากมาย เดินทางไปทั่วโลก อนุสาวรีย์เขาปรากฏขึ้นทุกแห่งหน บ้านเกิดถูกเปลี่ยนชื่อ ถนนถูกตั้งชื่อตามเขา เดิมทียูริ กาการินตั้งใจว่าจะเดินทางในฐานะนักบินอวกาศไปเรื่อยๆ แต่สหภาพโซเวียตกลับกลัวว่าในเมื่อการเดินทางไปอวกาศยังไม่ปลอดภัย ดังนั้นแทนที่จะได้ไปนอกโลก ยูริกลับต้องเดินทางไปทั่วโลกแทน เพื่อบอกเล่าเรื่องราวความสำเร็จของตัวเอง เขาบอกเรื่องราวการเดินทางสุดมหัศจรรย์ครั้งแล้วครั้งเล่า จวบจนหลายปีต่อมา เมื่อการแข่งขันทางอวกาศดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงมีโอกาสกลับมาฝึกบินอีกครั้งหนึ่ง ในที่สุดความฝันของเขาก็ได้ต่อเติม โดยมาเป็นครูฝึกให้กับนักบินอวกาศรุ่นหลัง และได้กลับไปขับเครื่องบินอีกครา แต่แล้วในวันที่ 27 มีนาคม ปี ค.ศ.1968 เครื่องบินของยูริ กาการินก็ตก ตัวเขาและเพื่อนนักบินเสียชีวิต ทุกคนเสียใจ ผู้หญิงทุกคนร้องไห้ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสหภาพโซเวียต ที่มีการประกาศวันไว้อาลัยทั้งประเทศสำหรับบุคคลที่ไม่ใช่ประมุขแห่งรัฐ

                ดังนั้น ทุกวันที่ 12 เมษายน ครบรอบปีแห่งการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์ของยูริ กาการิน มันจึงไม่ใช่การเฉลิมฉลองความสำเร็จของชาติไหน แต่คือการบอกเล่าเรื่องราวของมนุษย์คนหนึ่งผู้กล้าหาญ ท้าทาย เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นและความฝัน นั่นจึงทำให้เรื่องราวของยูริ กาการิน เป็นการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์ที่จะได้รับการเล่าขานไปตลอดกาล

 

You may also like

เปิดตัวดัชนีชี้วัดความปลอดภัยของเด็ก บนโลกออนไลน์ทั้งในระดับชาติและระดับโลก

เปิดตัวด