SaaS แบบดั้งเดิมกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ AaaS
AI Agent จะทำงานแทนคนได้สมบูรณ์แบบ
สุทธิชัย ทักษนันต์
ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา Software-as-a-Service (SaaS) ได้ปฏิวัติธุรกิจด้วยการเปลี่ยนซอฟต์แวร์หรือแอปต่างๆเป็นการให้บริการผ่านคลาวด์แบบรายเดือน แต่มันกำลังจะกลายเป็นอดีต
ซอฟต์แวร์ต่างๆในปัจจุบันเริ่มถูกเสริมศักยภาพด้วย AI และอีกไม่กี่ปีจากนี้ ทุกซอฟต์แวร์หรือทุกแอปจะมี AI เชื่อมติดไปด้วย เหมือนกับ Co-Pilot ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
IDC หรือ International Data Corporation ประเมินว่า 70% ของบริษัทผู้ให้บริการ SaaS ในปัจจุบัน (2025) เริ่มรวม AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์ของตนแล้ว อย่างไรก็ตาม การใช้ AI ในรูปแบบนี้ยังเป็นแค่การเพิ่มประสิทธิภาพให้มนุษย์เท่านั้น การตัดสินใจที่สำคัญและขั้นตอนสุดท้ายยังขึ้นอยู่กับผู้ใช้งาน
แต่ในที่สุดจะถึงยุค AaaS หรือ Agent-as-a-Service ซึ่ง AI Agent ทำงานแบบอัตโนมัติ หรือทำงานแทนมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แนวคิดนี้ไม่เพียงแต่เปลี่ยนวิธีการทำงานเท่านั้น แต่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กรและโมเดลการคิดค่าบริการของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ด้วย
เงินค่าจ้างคนทำงานที่มีต้นทุนสูง จะกลายเป็นค่าใช้จ่าย AaaS หรือใช้ AI Agent มาทำงานแทนคน ซึ่งต้นทุนต่ำกว่าใช้คนจริงมากๆ
ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ไม่ได้อยู่ที่รูปแบบการให้บริการอีกต่อไป แต่อยู่ที่ความสามารถในการสร้างผลลัพธ์ที่ฉลาดกว่าและมีประสิทธิภาพกว่า
CRM หรือ ERP ที่ต้องใช้คนควบคุม กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคที่ซอฟต์แวร์ทำงานได้เอง ไม่ต้องใช้คนเข้าไปแทรกแซง
Chatbots ที่เคยทำได้แค่ตอบคำถาม เมื่อมันเป็น AI ที่ฉลาดขึ้น ฟังภาษาคนรู้เรื่อง คิดวิเคราะห์แยกแยะได้ มันก็กลายเป็น Autonomous Agents ที่มีความสามารถในการ ตัดสินใจ วางแผน และดำเนินการตามขั้นตอนที่ซับซ้อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้โดยไม่ต้องมีมนุษย์คอยควบคุมทุกขั้นตอน
อนาคตที่แท้จริงของการทำงานอยู่ที่ AI Agent ที่ทำงานแต่ละอย่างให้สำเร็จได้เอง
การเติบโตของ AaaS มีข้อมูลสนับสนุนที่ชัดเจนจากบริษัทวิจัยชั้นนำ:
– การเห็นผลตอบแทน (ROI) อย่างรวดเร็ว: ผู้บริหารกว่าครึ่งระบุว่าองค์กรของตนกำลังใช้ AI Agent และ 88% ของบริษัทที่ลงทุนสูงในด้านนี้ก็เห็นผลตอบแทนจากการลงทุนแล้ว ในหลายด้าน เช่น บริการลูกค้า, การตลาด, ความปลอดภัยทางไซเบอร์, และการพัฒนาซอฟต์แวร์ [อ้างอิง: National Research Group Survey, CIO Article]
– การเปลี่ยน Interface ของแอปพลิเคชัน: Gartner คาดการณ์ว่า 40% ของแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ระดับองค์กรจะรวม Agentic AI ภายในปี 2026 และ 45% ของการโต้ตอบผลิตภัณฑ์และบริการด้านไอทีจะใช้ Agent เป็นส่วนต่อประสานหลัก ภายในปี 2028 [อ้างอิง: IDC, CIO Article]
– แหล่งรายได้ใหม่: Agentic AI อาจเป็นแรงขับเคลื่อนรายได้ซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันองค์กรถึง 30% ภายในปี 2035 ซึ่งมีมูลค่าเกินกว่า 4.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ [อ้างอิง: Gartner, CIO Article]
AI Agent จะกลายเป็น “พนักงานดิจิทัล”
องค์กรชั้นนำกำลังเริ่มบริหารจัดการ AI Agent เสมือนเป็นมนุษย์ เพื่อจัดการกับความเสี่ยงและบูรณาการเข้ากับโครงสร้างองค์กรอย่างเป็นทางการ:
– กรณีศึกษา OneDigital: บริษัทให้บริการทางการเงิน OneDigital ได้ตั้ง “ทีมจัดหาพนักงาน AI” (AI Staffing Team) ขึ้นมา โดยมีกระบวนการ “จ้างงาน” AI Coworkers ที่เข้มงวด ตั้งแต่การเป็น Intern จนเป็น Full-Time Coworker เพื่อให้แน่ใจว่า Agent นั้นมีความสามารถ มีการกำกับดูแลจากมนุษย์ และเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรได้ [อ้างอิง: OneDigital Case, CIO Article]
– การมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์และการกำกับดูแล: บทบาทของผู้นำเทคโนโลยี (CIO) กำลังเปลี่ยนจากการจัดการเครื่องมือและระบบ ไปสู่การ กำหนดผลลัพธ์ (Outcome) และ การกำกับดูแล (Governance) แทน เนื่องจาก Agent ทำงานแบบอัตโนมัติ จึงต้องมีการตรวจสอบและกำหนดขอบเขตความรับผิดชอบอย่างชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากการจัดการซอฟต์แวร์แบบเดิมโดยสิ้นเชิง [อ้างอิง: Vituity Case, CIO Article]
การปรับตัวคือทางรอดในเศรษฐกิจ Agentic AI
การเปลี่ยนผ่านสู่ AaaS คือการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกระดับขององค์กร
ข้อมูลและแนวโน้มต่างๆชี้ชัดว่า…โลกกำลังเข้าสู่ยุคที่ซอฟต์แวร์ที่ไม่มี AI จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และซอฟต์แวร์ที่มี AI ในระดับผู้ช่วยก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น
AI Agent ที่ทำงานแบบอัตโนมัติ และทำงานแทนคนได้อย่างสมบูรณ์แบบคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริง
THAI
Social Links