กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 35.00 – 35.75

กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 35.00 – 35.75

กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 35.00 – 35.75

   กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 35.00 – 35.75 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 35.48 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 35.03-35.51 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมาท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยิลด์)สหรัฐฯขยับขึ้นเล็กน้อย โดยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)เมื่อวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ระบุว่าเฟดเห็นร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างระมัดระวังและจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยอีกในกรณีที่กระบวนการควบคุมเงินเฟ้อไม่คืบหน้า ทั้งนี้ ในภาพรวม โทนของการหารือของผู้ดำเนินนโยบายเปลี่ยนไปสู่การให้ความสนใจว่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ในกรอบ 5.25-5.50% ต่อไปอีกนานเพียงใด ขณะที่สัญญาณกิจกรรมทางเศรษฐกิจออกมาค่อนข้างผสมผสานซึ่งทำให้ปัจจัยเสี่ยงมีสองด้านมากขึ้นแทนที่จะเป็นความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อสูงเพียงอย่างเดียว อีกทั้งยังมีข้อกังวลเรื่องสินเชื่อชะลอตัวลง ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 6,289 ล้านบาท และ 2,608 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูลเงินเฟ้อ PCE เดือนต.ค.ของสหรัฐฯเป็นสำคัญ ขณะที่นักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเฟดจบวงจรการขึ้นดอกเบี้ยแล้วและจะลดดอกเบี้ยลงในปี 67 รวมถึงคาดหวังว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มชะลอตัวแบบ Soft Landing อย่างไรก็ตาม ตลาดมองว่าธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)จะปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้าเช่นกัน ทำให้ขาลงของค่าเงินดอลลาร์ในตลาดโลกอาจเป็นไปอย่างจำกัด นอกจากนี้ ชัยชนะของพรรคฝ่ายขวาจัดในเนเธอร์แลนด์ซึ่งมีแนวคิดต่อต้านสหภาพยุโรปอาจสั่นคลอนเสถียรภาพของยูโรโซนในระยะยาว อย่างไรก็ดี การที่เนเธอร์แลนด์เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มประเทศสมาชิกที่ใช้สกุลเงินยูโรน่าจะทำให้กรณีนี้แตกต่างจาก Brexit

สำหรับปัจจัยในประเทศ นักลงทุนจะติดตามข้อมูลส่งออกนำเข้าเดือนต.ค.ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งเราคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ในการประชุมวันที่ 29 พ.ย. ทางด้านนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าเศรษฐกิจไทยในขณะนี้จำเป็นต้องมีใช้มาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่ โดยการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวและปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนเป็นประเด็นที่น่าวิตก หลังสภาพัฒน์รายงานจีดีพีไตรมาส 3/66 อ่อนแอเกินคาด

 

You may also like

คปภ.เดินหน้า! เปิดเวทีสัมมนาวิชาการด้านประกันภัย ประจำปี 2567 “Thailand Insurance Symposium 2024”

 นายชูฉั