“อลงกรณ์”ลุยแดนมังกร ดึงจีนลงทุน 10 อุตฯใหม่แห่งอนาคต หวังเป็น new growth engine ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

“อลงกรณ์”ลุยแดนมังกร ดึงจีนลงทุน 10 อุตฯใหม่แห่งอนาคต หวังเป็น new growth engine ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

อลงกรณ์”ลุยแดนมังกร

ดึงจีนลงทุน 10 อุตฯใหม่แห่งอนาคต

หวังเป็น new growth engine ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

    นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศคนที่1และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้รับเชิญให้กล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมBRI(Belt and Road Innitiative)industrial investment International summit forum 2024ที่เซินเจิ้นโดยกล่าวว่า โลกผันผวนและเปลี่ยนแปลงทุกมิติอย่างรวดเร็วมีทั้งโอกาสและภัยคุกคาม เราต้องออกแบบอนาคตและนวัตกรรม(Innovating the Future)การลงทุนใหม่ๆ ประการสำคัญคือการมีหุ้นส่วน(partnership)ที่ดีเป็นหัวใจสำคัญที่สุด ขอให้เชื่อมั่นว่าโอกาสมีอยู่ทุกหนแห่ง(Possibility is everywhere)

นายอลงกรณ์ได้ยกตัวอย่างความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีนทางด้านการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวตลอด49ปีของความสัมพันธ์ทางการฑูตทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจและเศรษฐกิจเปิดกว้างและเติบโตต่อเนื่องแม้จะเผชิญกับปัญหาอุปสรรคต่างๆแต่ก็สามารถฝ่าฟันผ่านพ้นมาได้จนประเทศจีนเป็นประเทศคู่ค้าและผู้ลงทุนอันดับ1ของประเทศไทยรวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวจีนก็มาไทยมากที่สุดโดยเฉพาะ10ปีแห่งความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการ“หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอาเซียน-จีนและความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคRCEPล่าสุดซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความเป็นหุ้นส่วน(partnership)บนผลประโยชน์และความสำเร็จร่วมกัน

อุตสาหกรรมใหม่คือโอกาสใหม่ๆของทุกประเทศของทุกบริษัทและนักลงทุนทุกคนจึงขอเชิญชวนมาลงทุนทั้งในตลาดทุน(Capital Investment)และตลาดFDI(Foreign Direct Investment)ในประเทศไทยโดยเฉพาะระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก(EEC)และเขตเศรษฐกิจพิเศษในภูมิภาครวมทั้งอุตสาหกรรมใหม่ (first S-Curveและ New S-Curve) 10 สาขาซึ่งมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนเป็นพิเศษของรัฐบาลไทยภายใต้BCGโมเดลและเป้าหมายลดโลกร้อนของการประชุมCOP28ได้แก่

1)    อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next – Generation Automotive)เช่นยานยนต์ไฟฟ้า

2)    อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics)

3)    อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Affluent, Medical and Wellness Tourism)

4)    การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ (Agriculture and Biotechnology)

5)    อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (Food for the Future)และอุตสาหกรรมอนาคตใหม่(New S-curve) อีก5 สาขา

1)    อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (Robotics)และAI

2)    อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation and Logistics)

3)    อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemicals)

4)    อุตสาหกรรมดิจิตอล (Digital)

5)    อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub)

ซึ่งเป็นรูปแบบการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบสินค้าและเทคโนโลยี โดยจะเป็นหัวใจหลักของกลไกใหม่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ (New Growth Engines)

นายอลงกรณ์ยังได้หารือระหว่าง Lunch meeting กับผู้บริหารบริษัทลงทุนยักษ์ใหญ่หลายแห่งซึ่งทุกบริษัทตอบรับอย่างกระตือรือร้นที่จะมาลงทุนในประเทศไทยทั้งอุตสาหกรรมใหม่และตลาดทุนของไทย

สำหรับการสัมมนาครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า500คนและมีสมาคมการค้าไทย-จีนและเศรษฐกิจเอเชีย

โดยนางสาวอภิญญา ปราโมช นายกสมาคมฯ นางสาวประจงจิต พลายเวช รองประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมฯและนายเมฆินทร์ เอี่ยมสะอาด จากมูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมด้วยโดยจัดที่โรงแรมเชอราตัน-เซิ่นเจิ้นเมื่อ26 มกราคมที่ผ่านมา

 

 

 

 

You may also like

TCMC ฝ่าเศรษฐกิจซบ! โชว์ไตรมาส 3 คว้ามาได้ 1.49 พันล้าน 

TCMC ฝ่า