จากสงครามยูเครน สู่สงครามโซเชียลมีเดีย

จากสงครามยูเครน สู่สงครามโซเชียลมีเดีย

จากสงครามยูเครน สู่สงครามโซเชียลมีเดีย

ดร.กฤษฎา พรหมเวค

คณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

 

           

                Facebook คือเว็บไซต์ที่ให้บริการเครือค่ายสังคมออนไลน์ เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีผู้ใช้งานกว่า 2 พันล้านคนทั่วโลก ในการสื่อสารกับเพื่อน ๆ ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ ติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของเพื่อน รวมทั้งแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและรัฐบาลต่าง ๆ ในต่างประเทศ มีการประมาณการกันว่าในรัสเซียมีผู้ใช้งานเครือค่ายสังคมออนไลน์ ทั้ง Facebook และ Instagram ประมาณ 60-80 ล้านคน ในขณะที่รัสเซียเองก็มีสื่อสังคมออนไลน์ของตัวเอง ในชื่อ ВКонтакте หรือ VK เพื่อให้บริการแข่งกับเจ้าของแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์จากฝั่งตะวันตกเช่นเดียวกัน

                รัฐบาลของหลายประเทศเริ่มมีความกังวลว่าเนื้อหาออนไลน์ที่ชาวเน็ตสามารถเข้าถึงอาจเป็นอันตรายต่อสถานะทางการเมืองของแต่ละประเทศ เนื่องจากมีการใช้เว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ในการจัดการประท้วงทางการเมือง รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลและผู้นำประเทศ จนนำไปสู่การเข้มงวดในการใช้งานเว็บไซต์ต่าง ๆ และดำเนินการอย่างจริงจังในการห้ามใช้ Facebook และเครือข่ายทางสังคมอื่น ๆ ของรัฐบาลในหลายประเทศ พบว่าตั้งแต่ปี ค.ศ.2009 เป็นต้นมาได้มีประเทศต่าง ๆ ออกมาบล็อกการใช้เว็บไซต์ที่ให้บริการเครือค่ายสังคมออนไลน์ เช่น เฟสบุ๊ค มากกว่า 10 ประเทศได้แก่ จีน คิวบา ซีเรีย เกาหลีเหนือ บังกลาเทศ อียิปต์ ซีเรีย อิหร่าน  ปากีสถาน เวียดนาม มอริเทียส ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน เป็นต้น ส่วนใหญ่มาจากเหตุผลทางด้านการเมือง ความมั่นคงภายในประเทศ และศาสนา

                ล่าสุดหน่วยงาน “ราสคมนาสซอร์” (Роскомнадзор – Roskomnadzor) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลรัสเซียที่รับผิดชอบด้านการกำกับดูแลการสื่อสารในประเทศ ชี้แจงว่านับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี ค.ศ. 2020 เป็นต้นมา Facebook “เลือกปฏิบัติ” ต่อสื่อของรัสเซียมากกว่า 20 ราย และการปิดกั้นดังกล่าวก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ และจำกัดการเข้าถึงผู้ใช้งานรัสเซียบนแพลตฟอร์มต่างชาติ ราสคมนาสซอร์ได้แถลงการณ์อย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.2022 ว่า Facebook กำลังละเมิดสิทธิและเสรีภาพของพลเมืองรัสเซีย โดยจำกัดการเข้าถึงบัญชีอย่าง ทางเป็นทางการ (Official Account) ของสื่อรัสเซีย 4 แห่งที่เป็นของรัฐหรือในเครือของรัฐ ได้แก่ ช่องทีวี Звезда (Zvezda), สำนักข่าว РИА Новости (RIA Novosti), Лента.Ру (Lenta.ru) และ Газета.Ru (Gazeta.ru) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่รัสเซีย เริ่ม “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” เข้าโจมตียูเครน จนโคนทั้งโลกจับตา รัฐบาลรัสเซียพยายามกดดันบริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มเหล่านี้จัดการกับข้อมูลเท็จ ภาพข่าวที่สร้างความเข้าใจผิด และข่าวปลอมบนสื่อสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับการใช้กำลังทางทหารของรัสเซียโจมตียูเครน จนทำให้ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook และ Google ต่างพากันจำกัดเนื้อหาจากสื่อของรัฐบาลรัสเซียบนแพลตฟอร์ม ส่วนรัสเซียเองก็ใช้กฎหมายกดดันกลับโดยขู่ว่าจะจำคุกสูงสุด 15 ปีสำหรับชาวรัสเซียที่โพสต์ “ข่าวปลอม” เกี่ยวกับการบุกรุก และรัฐบาลได้จับกุมผู้ประท้วงต่อต้านสงครามแล้วหลายพันคน

                จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ปี ค.ศ. 2022 ที่ผ่านมา Roskomnadzor ได้ทำการบล็อก Facebook Twitter อย่างสมบูรณ์ หลังจากที่ Facebook ได้ทำการ บล็อกสื่อของรัสเซียได้แก่ RT (เดิมชื่อ Russia Today) และ Sputnik ในยุโรปเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป และในประเทศอื่นๆ รวมถึงยูเครนและสหราชอาณาจักร การห้ามของสหภาพยุโรปยังใช้กับการออกอากาศแบบดั้งเดิมขององค์กรสื่อต่าง ๆ ในยุโรปด้วย โดยราสคมนาสซอร์ กล่าวว่า การกระทำของหน่วยงานเป็นไปตามข้อตกลงของสำนักงานอัยการสูงสุดและกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้เครือข่ายโซเชียลยอมรับว่าเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ตลอดจนสิทธิและเสรีภาพของพลเมืองรัสเซีย อีกทั้งยังประกาศว่าจะเริ่มทำการบล็อก Instagram ในรัสเซียตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม ปี ค.ศ.2022 โดยระบุว่าเป็นการตอบโต้ต่อการตัดสินใจของ Facebook ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ในบางประเทศออกมาเรียกร้องให้ใช้ความรุนแรงต่อประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และทหารรัสเซียในช่วงที่ทัพรัสเซียบุกรุกยูเครน รัฐบาลรัสเซียยังระบุด้วยว่ากำลังพยายามประกาศให้ Facebook เป็น "องค์กรหัวรุนแรง" “extremist organization.”

                เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าสื่อสังคมออนไลน์มีผลต่อชีวิตประจำวันเรามากขึ้น หากใครสามารถควบคุมสื่อสังคมออนไลน์ได้ ก็มีโอกาสที่จะสามารถควบคุมทิศทางความคิดส่วนใหญ่ของผู้ใช้ได้ การใช้สื่อสังคมออนไลน์ในทางการเมือง นับเป็นประโยชน์ต่อสังคมถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ผู้บริโภคข่าวสารพึงระวังและพิจารณาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนด้วยอย่าตกเป็นเหยื่อของสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันนี้การเข้าถึงข้อมูลโดยง่าย ควรใช้สื่อไปในทางที่ถูกต้อง ต้องรับฟังข้อมูลข่าวสารด้วยความรอบคอบอย่างมีสติและปราศจากอคติ.

 

You may also like

เปิดตัวดัชนีชี้วัดความปลอดภัยของเด็ก บนโลกออนไลน์ทั้งในระดับชาติและระดับโลก

เปิดตัวด