นายกฯชูแผนจัดการน้ำ ระยะ”สั้น กลาง ยาว” พร้อมติดตามการหารือเรื่องน้ำกับเมียนมา

นายกฯชูแผนจัดการน้ำ ระยะ”สั้น กลาง ยาว”

พร้อมติดตามการหารือเรื่องน้ำกับเมียนมา

 การประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ครั้งที่ 2/2567 ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ โดยนายกรัฐมนตรี ได้ติดตามความคืบหน้าเรื่องการเร่งฟื้นฟูเยียวยา, การเร่งจ่ายเงินชดเชย, การจัดการน้ำในระยะสั้น-กลาง-ยาว, การวางแผนเพื่อรับมือภัยพิบัติในอนาคต และ ติดตามการหารือด้านน้ำร่วมกับประเทศเมียนมา

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า วิกฤตอุทกภัย-ดินโคลนถล่มครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งวิกฤตการณ์ใหญ่ของภัยพิบัติธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้อีกต่อไป และยังมีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น รัฐบาลจึงต้องวางแผนไปยังอนาคต ทั้งแผนระยะสั้น-กลาง-ยาว เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศไทยพร้อมรับมือกับภัยพิบัติธรรมชาติอย่างชัดเจน ประชาชนปลอดภัย เมื่อเกิดเหตุแล้วเข้าคลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว และมีผลกระทบที่น้อยที่สุด ซึ่งการรับมือเช่นนี้จำเป็นต้องมีการวางโครงสร้างป้องกันภัยพิบัติขนาดใหญ่ ที่แม้ต้องใช้ระยะเวลานานหลายสิบปี ก็จำเป็นต้องทำ

อย่างไรก็ตาม ในวิกฤตอุทกภัย-ดินโคลนถล่มครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีติดตามการทำงาน โดยกำหนดเป็นแผนดังนี้

– ระยะสั้น : การเร่งฟื้นฟูเยียวยาให้จังหวัดที่ได้รับผลกระทบกลับมาคืนสู่สภาพปกติดังเดิม พี่น้องประชาชนกลับมามีชีวิตปกติได้โดยเร็ว

– ระยะกลาง : การป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วม-ดินโคลนถล่มซ้ำรอย โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยง เช่น จังหวัดเชียงราย จำเป็นต้องหารือร่วมกับประเทศเมียนมา , การติดเรดาห์เตือนภัย,​ การสร้างแนวกั้นน้ำ , การปลูกป่าในพื้นที่ต้นน้ำ , การขุดลอกคูคลองและดินตะกอนในแม่น้ำเพื่อให้เกิดการระบายน้ำ และ รองรับปริมาณน้ำในปีหน้า

– ระยะยาว : การทำแนวกันน้ำ และ การหาพื้นที่กักเก็บน้ำเพื่อชะลอการไหลของน้ำ เช่น โครงการแก้มลิงในลุ่มน้ำยม เนื่องจากแม่น้ำยมไม่มีเขื่อน จึงจำเป็นต้องมีโครงการแก้มลิงซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่ม มีจำนวนมาก และสามารถกักเก็บน้ำไว้ปล่อยช่วงที่น้ำลดน้อยลง หรือเก็บน้ำไว้ช่วงฤดูแล้ง

ท้ายที่สุด นายกรัฐมนตรีขอให้กำลังใจทีมงานทุกท่าน อาสาสมัครทุกคน ที่ทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง และ ให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่กำลังเผชิญกับภาวะยากลำบากจากวิกฤตอุทกภัย-ดินโคลนถล่มครั้งนี้

รัฐบาลตั้งใจจะทำงานเต็มที่เพื่อให้พี่น้องประชาชนกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติโดยเร็วที่สุด และ เมื่อการฟื้นฟูเมืองเรียบร้อยดีแล้ว ครม. สัญจรครั้งแรกของรัฐบาลแพทองธาร จะเป็นพื้นที่เชียงราย-เชียงใหม่ อย่างแน่นอน