บริดจสโตนรุกพัฒนายาง
Bridgestone Potenza Sport
ให้รถ SUV ไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกของ“มาเซราติ”
รถยนต์ Maserati รุ่น Grecale Folgore (มาเซราติ เกคราเล่ โฟกาเล่) ติดยาง Bridgestone Potenza Sport ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN*1 และได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะขนาด 20 นิ้ว เพื่อส่งมอบสมรรถนะขั้นสูงและการขับขี่ที่เหนือชั้น
ยางรถยนต์บริดจสโตนได้รับการออกแบบและพัฒนาขึ้นสำหรับรถยนต์ Maserati รุ่น Grecale Folgore ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และส่งมอบการควบคุม ที่เหนือระดับในสถานการณ์ที่ท้าทายทั้งบนถนนแห้งและถนนเปียก
นับเป็นความร่วมมือล่าสุดระหว่างแบรนด์พรีเมียมทั้ง 2 แบรนด์ รวมถึงการเป็นพันธมิตรร่วมกันสำหรับรถยนต์ Maserati รุ่น MC20 และ รถยนต์ Maserati รุ่น Grecale Folgore
บริดจสโตน ผู้ผลิตระดับโลกด้านยางรถยนต์พรีเมียมพร้อมนำเสนอโซลูชั่นด้านการเดินทางที่ยั่งยืน ได้รับเลือกจากมาเซราติในการพัฒนายางรถยนต์ขนาด 20 นิ้ว สำหรับรถ SUV ไฟฟ้าเต็มรูปแบบสุดหรูคันแรก Maserati รุ่น Grecale Folgore
จากความร่วมมืออย่างแข็งแกร่งเพื่อออกแบบและพัฒนายางติดรถยนต์ให้กับ Maserati MC20 Supercar และ Maserati Grecale มาเซราติได้มองหาพันธมิตรทางธุรกิจด้านยางรถยนต์ที่สามารถส่งมอบสมรรถนะสูงสุดให้กับการขับขี่บนถนนทางเรียบ (On-Road) สำหรับรถ SUV ไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรก โดยบริดจสโตน ได้พัฒนายาง Bridgestone Potenza Sport ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะและมาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN ซึ่งถือเป็นยางรถยนต์เรือธงสมรรถนะสูง
การส่งมอบสมรรถนะการขับขี่ขั้นสูงบนถนนแห้ง ควบคู่กับการพัฒนายางระดับพรีเมียมบนถนนเปียก ยาง Bridgestone Potenza Sport ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN จึงได้รับการพัฒนาเพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่อย่างเหนือชั้นให้กับผู้ขับรถยนต์ Maserati รุ่น Grecale Folgore ในสถานการณ์ ที่ท้าทายทั้งบนถนนแห้งและถนนเปียก
ยางบริดจสโตนที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะนี้ช่วยตอบโจทย์และยกระดับสมรรถนะการขับขี่ของรถยนต์ Maserati รุ่น Grecale Folgore ได้อย่างลงตัวจากการใช้เทคโนโลยี ENLITEN นวัตกรรมของการออกแบบยางรถยนต์จากบริดจสโตนด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยซึ่งไม่ลดทอนความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขับขี่ นอกจากนี้ยังเป็นยางที่ได้รับการพัฒนาซึ่งช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนด้วย
ขับเคลื่อนสู่ยุคการปฏิวัติของรถยนต์ไฟฟ้า
นอกจากความร่วมมือระยะยาวที่ประสบความสำเร็จแล้ว บริดจสโตนและมาเซราติยังมุ่งมั่นต่อการปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น (Electrification) ทั้งนี้ยางบริดจสโตนที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะช่วยเสริมประสิทธิภาพการลดแรงต้านทานการหมุนให้กับรถยนต์รุ่นใหม่ของ Maserati รุ่น Grecale Folgore และยังได้รับการจัดอันดับในคลาสของ EU Label เกรด A อีกทั้งยังช่วยเพิ่มระยะทางให้กับรถยนต์ Maserati รุ่น Grecale Folgore ไปได้อีก 500 กิโลเมตร*2
ด้วยแนวทางแบบบูรณาการ บริดจสโตนกำลังลงทุนเพื่อส่งเสริมการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงผู้ขับขี่รวมถึงลูกค้าองค์กรมากยิ่งขึ้น บริษัทกำลังพัฒนายางพรีเมียมและเทคโนโลยีการออกแบบยางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเช่นเดียวกับโซลูชั่นสำหรับลูกค้าองค์กรและตอบโจทย์โซลูชั่นด้าน การเดินทาง ในขณะเดียวกันยังร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำพร้อมพัฒนาเครือข่ายการให้บริการสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ด้านมาเซราติซึ่งเป็นแบรนด์หรูแบรนด์แรกของอิตาลีที่เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยมีความมุ่งมั่นที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นภายในปี พ.ศ. 2568 และรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบเพียงอย่างเดียวภายในปี พ.ศ. 2571
เพื่อให้สอดคล้องกับมรดกอันยาวนานของมาเซราติ รถยนต์ Maserati รุ่น Grecale Folgore ได้รับการออกแบบและผลิตในประเทศอิตาลี รวมถึงยังติดยาง Bridgestone Potenza Sport ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะและมาพร้อมเทคโนโลยี ENLITEN
เทคโนโลยีการพัฒนายางเสมือนจริงที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของบริดจสโตน (Virtual Tyre Development) ได้ถูกผสานเข้ากับเครื่องจำลองการขับขี่ของมาเซราติเพื่อให้มั่นใจว่ายางที่ได้รับการออกแบบมาเฉพาะนี้สามารถพัฒนาและทดสอบได้ในสภาพแวดล้อมดิจิทัล อีกทั้งยังช่วยลดการสร้างและทดสอบต้นแบบทางกายภาพ ลดการใช้วัตถุดิบและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิต รวมถึงทำให้สามารถนำยางเข้าสู่ตลาดได้เร็วขึ้น
คุณ Steven De Bock รองประธานกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ (OE) ของ Bridgestone EMEA กล่าวว่า “รถยนต์ Maserati รุ่น Grecale Folgore เป็นการเปิดตัวที่สำคัญทางประวัติศาสตร์สำหรับมาเซราติในการเดินทางไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า (Electrification) และเราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ช่วยยกระดับสมรรถนะของรถรุ่นนี้ด้วยยางบริดจสโตน นับเป็นความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของบริดจสโตนและมาเซราติในการรุดหน้าสู่ยุคการปฏิวัติของรถยนต์ไฟฟ้า และเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ได้เห็นความร่วมมือของทั้งสองบริษัทในการบุกเบิก เพื่อขับเคลื่อนการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้า”
Social Links