LGBT มาแรง! “ยันฮี”ชิงรุก แจงสี่เบี้ย“เส้นทางการแปลงเพศแบบหมดเปลือก”

LGBT มาแรง! “ยันฮี”ชิงรุก แจงสี่เบี้ย“เส้นทางการแปลงเพศแบบหมดเปลือก”

LGBT มาแรง!“ยันฮี”ชิงรุก

แจงสี่เบี้ย“เส้นทางการแปลงเพศแบบหมดเปลือก”

             กระแส LGBT ยังแรงไม่หยุด ยันฮีโดดร่วมงานกับเพจดัง SPECTRUM  ตอบโจทย์ความหลากหลายทางเพศ ในงาน “BANGKOK PRIDE 2022” ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่  พร้อมส่งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญร่วมให้ความรู้เส้นทางการแปลงเพศแบบหมดเปลือก  ตามสโลแกน “ครบ..จบที่ยันฮี กับชีวิตใหม่ที่ใครก็เลือกที่จะเป็นได้” เชื่อมั่นศักยภาพยันฮี ยังเป็นหนึ่งในใจคนที่ต้องการแปลงเพศของเมืองไทย

                นายแพทย์สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮี  เปิดเผยสถานการณ์ LGBT (กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ)ว่า “ปัจจุบันLGBT เป็นสังคมที่ได้รับการยอมรับการอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น  สามารถแสดงออกกันได้อย่างเต็มที่บนพื้นฐานของความถูกต้องและไม่ขัดต่อสาธารณชน  ซึ่งรพ.ยันฮีก็เป็นหนึ่งในสถานพยาบาลหลายๆ แห่งที่ร่วมให้การดูแลกลุ่มบุคลเหล่านี้ตามหลักการทางการแพทย์ เพื่อให้สอดรับสถานการณ์ปัจจุบันภายใต้ศูนย์การแปลงเพศครบวงจร รพ.ยันฮี                   

                สำหรับศูนย์แปลงเพศครบวงจร โรงพยาบาลยันฮี เราให้บริการแบบสหสาขาวิชาชีพ ทั้งการแปลงเพศจากชายเป็นหญิงและจากหญิงเป็นชาย ตั้งแต่การเป็นที่ปรึกษาด้านจิตเวช  การเทคฮอร์โมนเพื่อปรับสภาพร่างกายตั้งแต่แรกเริ่ม  การวางแผนการผ่าตัดแปลงเพศอย่างถูกวิธีและปลอดภัย  รวมทั้งการดูแลหลังการผ่าตัดด้วยทีมแพทย์สหสาขา ทีมพยาบาลที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง  จึงทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัย  นับได้ว่า รพ.ยันฮีเป็นศูนย์กลางของการแปลงเพศที่สามารถผ่าตัดแปลงเพศได้ทั้งจากชายเป็นหญิงและหญิงเป็นชาย ตามสโลแกนที่ว่า “ครบ จบ ที่ยันฮี”    

                ปัจจุบัน การผ่าตัดแปลงเพศได้รับการพัฒนาไปเป็นอย่างมาก มีการคิดค้นเทคนิคการผ่าตัดใหม่ๆ ที่ได้ผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ รูปลักษณ์ที่ได้จะมีความคล้ายคลึงเพศที่ต้องการมากที่สุด  โดยโรงพยาบาลยันฮีจะผ่าตัดด้วยวิธีจุลยศัลยกรรม ซึ่งเป็นการการผ่าตัดผ่านกล้องจุลทรรศน์กำลังขยายสูง สามารถเห็นรายละเอียดโครงสร้างเส้นประสาทต่างๆ ได้ชัดเจนและละเอียดมาก  แผลผ่าตัดเล็กลง เจ็บแผลน้อยลง คนไข้ฟื้นตัวเร็วขึ้น ที่สำคัญแพทย์มีประสบการณ์ในการผ่าตัด ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี เกิดผลข้างเคียงน้อยมาก”  นายแพทย์สุพจน์ กล่าว     

                ก้าวแรกที่สำคัญของการแปลงเพศ นั่นคือ การประเมินสภาพจิตใจจากจิตแพทย์จำนวน1- 2 ท่านตั้งแต่เริ่มแรก   เพื่อประเมินตัวตนให้ชัด  จิตแพทย์จะเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีที่สุด เปรียบเหมือนผู้ช่วยที่จะทำให้ผู้เข้ารับการแปลงเพศค้นหาตัวเองได้ และจะเป็นผู้ดูแลเพื่อให้ผู้เข้ารับการแปลงเพศสามารถยอมรับและเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย รวมถึงปรับการใช้ชีวิตประจำวันกับเพศใหม่ได้อย่างเหมาะสม

                อีกจุดหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ การเทคฮอร์โมนภายใต้การดูแลของแพทย์   เราพบว่า คนส่วนใหญ่จะซื้อฮอร์โมนกินเองตามโฆษณาชวนเชื่อ หรือการบอกต่อในสังคมโซเชียล โดยไม่ปรึกษาแพทย์  เพราะไม่ตระหนักถึงอันตรายที่ตามมา เช่น  การใช้ยาฮอร์โมนในปริมาณมากเพื่อเร่งผลลัพธ์ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว หรือใช้ผิดประเภท  ผิดขนาด อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในกลุ่มคนข้ามเพศนั่นเอง ดังนั้น การใช้ฮอร์โมนตามคำแนะนำของแพทย์จึงจะปลอดภัยมากกว่า  เพราะจะมีการตรวจติดตามสุขภาพ และสามารถตรวจพบความผิดปกติหรือปัญหาสุขภาพได้ทันท่วงที ซึ่งแพทย์อาจมีการปรับยา และ/หรือ สั่งยาเพิ่ม ตามความเหมาะสมของแต่ละคน

                สุดท้าย เมื่อก้าวเข้าสู่กระบวนการผ่าตัดแปลงเพศ ไม่ว่าจะแปลงเป็นชายหรือหญิงก็ตาม  ถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุด  ควรศึกษากระบวนการให้ถ่องแท้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์มีความชำนาญโดยเฉพาะ  วิธีการผ่าตัดที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล  สถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย เพื่อให้เกิดความมั่นใจสูงสุด โดยรพ.ยันฮีเรายึดหลักการรักษามาตรฐาน 3S มาโดยตลอด นั่นคือ  คือ Safety (ความปลอดภัยในการผ่าตัด) Standard (มาตรฐานในการรักษาผู้รับบริการ) และ Specialist (ศัลยแพทย์ตกแต่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง)

                อย่างไรก็ดี ผู้ที่ตั้งใจแปลงเพศควรเริ่มจากศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจเปลี่ยนกายให้ตรงกับจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นเทคฮอร์โมนเพศ หรือเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ และควรได้รับการดูแลทางด้านจิตใจอย่างเหมาะสม เช่น การปรึกษาแพทย์ คนรอบข้างที่เข้าใจ คนในครอบครัวสนับสนุน เป็นต้น  ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ยิ่งใหญ่และซับซ้อน ที่สำคัญผลของการเปลี่ยนแปลงนี้จะยังคงอยู่กับเราตลอดไป ด้วยเหตุนี้ก่อนเข้าสู่กระบวนการผ่าตัดแปลงเพศ เราจึงต้องตัดสินใจให้ถี่ถ้วนและรอบคอบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้สามารถมีชีวิตใหม่ได้อย่างมั่นใจและมีความสุข” นายแพทย์สุพจน์  กล่าวทิ้งท้าย   

                สำหรับการเข้าร่วมงาน “BANGKOK PRIDE 2022” ในครั้งนี้ ยันฮีได้ส่งแพทย์เข้าร่วมเป็นวิทยากรในงานสัมมนาเพื่อเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชนอย่างแท้จริง  มีการเล่าเรื่องราวและกระบวนการเปลี่ยนแปลงร่างกายให้ตรงกับเพศสภาพอย่างหมดเปลือก  โดยแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย และแพทย์เฉพาะทางด้านการแปลงเพศจากชายเป็นหญิง อาทิ นพ.สุกิจ วรธำรง, นพ.วรพล รัตนเลิศ พร้อมด้วยผู้ที่เคยผ่าตัดแปลงเพศมาแล้วกับโรงพยาบาลยันฮี คุณจิ๊บ ณภัค มหาอุดมพร และ คุณริน รรินภัทร์ สมอุ่น ที่ได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์ข้ามเพศอย่างเต็มรูปแบบ  รวมทั้งยังมีบูทคำปรึกษาจากแพทย์ด้านการแปลงเพศ  พร้อมทั้งได้มอบบัตรส่วนลด 5% สำหรับผู้ที่เข้ามาลงทะเบียนที่ บูธโรงพยาบาลยันฮีอีกด้วย เชื่อว่า กิจกรรมครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับตามกระแสสังคม LGBT ได้อย่างแท้จริง

                สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่  Facebook: โรงพยาบาลยันฮี Yanhee Hospital   Line:@yanheehospital      IG: yanheehospital_official หรือโทร. 1723

You may also like

“เมย์แบงก์”พลิกเกม! ชูรูปแบบ“ฟินฟลูเอนเซอร์ทอล์คโชว์”ครั้งแรกในไทย “ติด BUFF การเงิน TALK SHOW”

“เมย์แบง