“คิดบวก” จุดเริ่มต้นที่นำพาสู่ความสำเร็จ ไอเดียที่เห็นตรงกันของหนังสือ Best Seller  

“คิดบวก” จุดเริ่มต้นที่นำพาสู่ความสำเร็จ ไอเดียที่เห็นตรงกันของหนังสือ Best Seller  

“คิดบวก” จุดเริ่มต้นที่นำพาสู่ความสำเร็จ

ไอเดียที่เห็นตรงกันของหนังสือ Best Seller  

สุทธิชัย ทักษนันต์

หนังสือ Best Seller เกี่ยวกับ การพัฒนาตนเอง ความร่ำรวย ความสำเร็จ มีหนังสือดังของโลกหลายเล่มมีไอเดียหลักเหมือนกัน คือ คำแนะนำให้มีการคิดบวก!!!

การคิดบวก เป็นจุดเริ่มต้นที่นำพาไปสู่ความสำเร็จได้จริง ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของหนังสือขายดีที่คนดังของโลกหลายคนคิดตรงกันและแนะนำให้อ่าน

“Think and Grow Rich” (1937) โดย Napoleon Hill ขายได้มากกว่า 100 ล้านเล่ม เป็นหนังสือที่คนมีชื่อเสียงหลายคนแนะนำให้อ่าน คือ Warren Buffett, Colin Powell, Tony Robbins

Warren Buffett เคยบอกว่าเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่เขาเคยอ่าน และมีอิทธิพลทางความคิดกับเขามากที่สุด เนื้อหาหนังสือเน้นไปที่การบรรลุความสำเร็จทางการเงิน Napoleon Hill ให้เหตุผลว่า การคิดเชิงบวกเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย โดยต้องมีความปรารถนาอันแรงกล้ารวมอยู่ด้วย และให้ความสำคัญกับ ความเพียร ความมุ่งมั่น ในการฝันฝ่าอุปสรรคต่างๆ

“The Secret” (2006) โดย Rhonda Byrne ขายได้ทั่วโลกมากกว่า 30 ล้านเล่ม คนดังที่แนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้ คือ Oprah Winfrey, Jim Carrey, Will.i.am

หนังสือแนะนำให้คิดเชิงบวก และสร้างออกมาเป็นภาพ จะช่วยทำให้เกิดความปรารถนาที่จะบรรลุความสำเร็จ จักรวาลจะตอบสนองต่อความคิดและความรู้สึกของเรา ความคิดเชิงบวกดึงดูดสิ่งที่ต้องการเข้ามาในชีวิตได้

“The 7 Habits of Highly Effective People” (1989) โดย Stephen Covey ขายได้ทั่วโลกมากกว่า 25 ล้านเล่ม เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของความคิดเชิงบวก และทัศนคติการทำงานเชิงรุกที่นำไปสู่ความสำเร็จได้

คนที่มีประสิทธิภาพจะให้ความสำคัญกับเป้าหมาย และรับผิดชอบต่อชีวิตของตัวเอง ไม่โทษสถานการณ์ภายนอกเมื่อล้มเหลว ต้องพัฒนาอุปนิสัยที่ดี มีทัศนคติที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น

“The Power of Positive Thinking” (1952) โดย Norman Vincent Peale ขายได้มากกว่า 5 ล้านเล่ม คนดังที่แนะนำให้อ่านหนังสื่อเล่มนี้ คือ Donald Trump, Ronald Reagan, Denzel Washington

พลังของการคิดเชิงบวก เอาชนะอุปสรรคและทำให้บรรลุความสำเร็จได้ ช่วยทำให้ผู้คนพัฒนาความมั่นใจ มีความมะนะอุตสาหะ และสามารถปรับปรุงความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ เทคนิคที่แนะนำให้ทำ คือ คิดเป็นภาพ ตอกย้ำ ปลูกฝังความคิดเชิงบวกให้กับตัวเองอยู่เสมอ

“Mindset: The New Psychology of Success” (2006) โดย Carol S. Dweck ขายได้มากกว่า 2 ล้านเล่ม มีคนดังในแวดวงเทคโนโลยีแนะนำให้อ่าน คือ Satya Nadella ซีอีโอคนปัจจุบันของ Microsoft, Eric Schmidt อดีตซีอีโอ Google

นักกีฬาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงที่แนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้เช่นกัน คือ Michale Phelps นักว่ายน้ำเหรียญทองโอลิมปิก และ Serena Williams อดีตนักเทนนิสหญิงมือหนึ่งของโลก

เมื่อนำความคิดแบบ Growth Mindset มาใช้ จะทำให้เราเกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง พัฒนาตัวเองได้ด้วยการทำงานหนักและทุ่มเท กรอบความคิดที่มีต่อจิตใจภายในของตัวเองจำเป็นต่อการบรรลุความสำเร็จ ช่วยให้เราชนะอุปสรรค และยืนหยัดอยู่ได้เมื่อเผชิญกับความล้มเหลว

หนังสือดังหลายเล่มที่กล่าวมา ไม่ได้บอกว่า คิดบวกเพียงอย่างเดียวก็จะประสบความสำเร็จได้ แต่การคิดบวกเป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างแรงจูงใจให้มีการลงมือทำ มีความพยายามเอาชนะอุปสรรค ยืนหยัดในการเผชิญกับความพ่ายแพ้

ความคิด ความเชื่อ เป็นตัวกำหนดการกระทำ

สิ่งสำคัญที่ต้องมีร่วมกับการคิดบวก คือ การกระทำโดยเจตนาที่มุ่งมั่น กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างตั้งใจ มีการวางแผน พัฒนาแผน และทำงานหนักเพื่อบรรลุความสำเร็จ

คนที่ประสบความสำเร็จ จะให้ความสำคัญกับโอกาสมากกว่าอุปสรรค กลับมองว่าอุปสรรคเป็นโอกาส หากสามารถทำเรื่องยากๆที่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ มันหมายถึงความสำเร็จ

ถ้าคุณไม่ได้รุกคืบเพื่อจะเป็นผู้ควบคุม คุณก็จะเป็นผู้ถูกควบคุม ทั้งจากผู้คนและเหตุการณ์รอบข้าง

คิดอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น หากคิดว่าจะมีเรื่องร้ายๆแย่ๆเกิดขึ้นแน่ๆ มันพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น เวลาอยู่กับคนคิดลบนานๆ จะทำให้คนที่อยู่ใกล้หดหู่สิ้นหวังไปด้วย ไม่มีความฝัน ไม่เห็นเรื่องดีๆที่จะเข้ามาในชีวิต

ความสำเร็จเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ และจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด คือ การคิดบวก!!!

You may also like

เปิดตัวดัชนีชี้วัดความปลอดภัยของเด็ก บนโลกออนไลน์ทั้งในระดับชาติและระดับโลก

เปิดตัวด