“สุชาติ”ขึ้นเหนือลุยเชียงราย
เร่งพัฒนาแรงงานโลจีสติกส์
รมว. แรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เยี่ยมชมศูนย์ฝึกอบรมเฉพาะทางด้านโลจิสติกส์ วางกลยุทธ์พัฒนาแรงงานรองรับการอุตสาหกรรมขนส่งของประเทศ
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายเยี่ยมชมการฝึกหลักสูตรเทคนิคการขับรถลากจูง (ขนส่งวัตถุอันตราย) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยมีนางสาวบุปผา เรืองสุด รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานในพื้นที่จังหวัดเชียงรายให้การต้อนรับ
ทั้งนี้นายสุชาติ ชมกลิ่น ได้เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมโลจิสติกส์มีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาประเทศหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มดีขึ้น อุตสาหกรรมโลจิสติกส์และระบบการขนส่ง จะช่วยในการสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาคการผลิต ภาคบริการ รวมถึงการส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภค นอกจากนี้อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ยังช่วยลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ การลงพื้นที่ในครั้งนี้จึงต้องการมาเยี่ยมชมการฝึกของศูนย์ฝึกอบรมเฉพาะทางด้านโลจิสติกส์ ตั้งอยู่ในสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีชื่อเสียงในการผลิตแรงงานป้อนอุตสาหกรรมขนส่ง และทราบจากรายงานว่าในปีงบประมาณ 2564 – 2565 มีผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมจากสถาบันฯ ไปแล้ว1,590 คน มีงานทำจำนวน 1,120 คน โดยมีสถานประกอบกิจการรับเข้าทำงานในตำแหน่งต่าง ๆ เช่น พนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้าอันตราย มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 35,000 บาท พนักงานขับรถยกสินค้าขนาดไม่เกิน 10 ตัน รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,000 บาท พนักงานขับเครนหน้าท่าเรือขนาด 45 ตัน รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 32,000 บาท และพนักงานขับรถยกสินค้าขนาด 10 ตันขึ้นไป รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 25,000 บาท เป็นต้น
นายสุชาติ กล่าวต่อไปว่า ในวันนี้มีโอกาสมาเยี่ยมชมการฝึก จึงขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่มาเข้าฝึกอบรมในหลักสูตร เทคนิคการขับรถลากจูง (ขนส่งวัตถุอันตราย) ทุกคน การขับรถลากจูงต้องใช้ทักษะความชำนาญ จึงเป็นตำแหน่งงานที่หาคนมาทำงานยาก ดังนั้นผู้ที่ผ่านการอบรมหรือขับรถประเภทนี้ได้จึงไม่ตกงาน การอบรมในครั้งนี้ได้บูรณาการร่วมกับภาคเอกชนส่งพนักงานที่เป็นพนักงานขับรถฝึกหัด เมื่อฝึกจบแล้วบริษัทจะบรรจุเข้าทำงานทันที
“สำหรับผู้ว่างงานที่หลังจากฝึกจบแล้วจะมีบริษัทเข้ามาสัมภาษณ์เพื่อรับผู้ที่ผ่านการฝึกบรรจุเข้าทำงานด้วย ซึ่งผมได้เน้นย้ำให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานใช้แนวทางนี้ คือต้องเตรียมตำแหน่งงานรองรับ ฝึกทักษะให้ตรงกับที่สถานประกอบกิจการต้องการ ผู้ผ่านการฝึกจะได้มีงานทำทันที เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของท่านพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มีเป้าหมายให้แรงงานมีทักษะฝีมือ มีอาชีพและมีรายได้ดูแลครอบครัว โดยในปี 2566 มีเป้าหมายดำเนินการทั่วประเทศทั้งสิ้น 2,750 คน”
Social Links