AI Recruiter สัมภาษณ์ผู้สมัครงาน มันเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะได้เข้าทำงาน    

AI Recruiter สัมภาษณ์ผู้สมัครงาน มันเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะได้เข้าทำงาน    

AI Recruiter สัมภาษณ์ผู้สมัครงาน

มันเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะได้เข้าทำงาน    

สุทธิชัย ทักษนันต์

นักวิเคราะห์จากหลายสำนักคาดการณ์ว่า งานในฝ่าย HR ซึ่งคอยหาคนทำงานให้กับองค์กร เป็นงานที่มีโอกาสถูกแทนที่โดย AI ได้ง่ายมาก และเริ่มเป็นความจริงแล้ว

บริษัทใหญ่ๆในอเมริกาหลายแห่ง เช่น McDonalds, Wendy’s, L’Oreal ซึ่งต้องรับสมัครคนเข้าทำงานจำนวนมาก วันนี้ใช้ Chatbot ทำหน้าที่สัมภาษณ์คนที่มาสมัครงาน

แทนที่จะมีฝ่าย HR ขนาดใหญ่ วันนี้สามารใช้แอปแชทบอทแทนได้ เช่น Olivia, Mya, Sapia AI McDonalds, Wendy’s, CVS Health, Lowes ใช้แอป Olivia แชทบอทซึ่งพัฒนาโดยสตาร์ทอัพชื่อ Paradox วันนี้เป็นบริษัทมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์  L’Oreal ใช้แอป Mya

นอกจากอเมริกาแล้ว มีหลายประเทศเริ่มนำ AI Recruiter ไปทำงานในฝ่ายบุคคลหรือ HR แล้วเช่นกัน

ซุปเปอร์มาร์เก็ตในออสเตรเลีย Woolworths ใช้แอป Sapia AI

ตอนนี้ AI Recruiter ส่วนใหญ่ จะเอาไว้คัดเลือกคนทำงานในกลุ่ม Blue Collar ซึ่งเป็นคนทำงานที่เน้นการทใช้แรงงาน เพราะคำถามคัดกรองต่างๆค่อนข้างง่าย บรรทัดฐานในการคัดเลือกค่อนข้างชัดเจน

ในอนาคต จะได้เห็นการพัฒนา AI ทำหน้าที่สัมภาษณ์งานที่มีความซับซ้อนขึ้นสำหรับกลุ่ม White Collar ซึ่งเป็นพวกคนทำงานนั่งโต๊ะในสำนักงาน

ผู้เชี่ยวชาญ และคนที่เคยสัมภาษณ์งานกับแชทบอทเป็นกังวลว่า จะเกิดความอคติจาก AI

ผู้สร้างแชทบอทเป็นผู้ชาย อาจมีแนวโน้มเข้าข้างผู้ชายมากกว่า

ผู้สมัครงานบางคนมีลักษณะพิเศษที่เป็นจุดด้อยบางอย่าง หากเป็นการสัมภาษณ์กับคนจริง อาจได้รับการยกเว้นหรือเห็นใจตามความจำเป็น แต่ในกรณีของ AI มันไม่รับรู้ถึงข้อยกเว้นอะไร

บริษัทต่างๆที่นำ AI Recruiter มาใช้ ยืนยันว่า ปัญญาประดิษฐ์ช่วยทำให้การจ้างคนทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และค่าใช้จ่ายต่ำลง

หน่วยงานของรัฐในอเมริกาหลายแห่ง เริ่มกังวลและสั่งให้นายจ้างที่ใช้ระบบจ้างงานอัตโนมัติ ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าจะไม่เกิดอคติกับผู้สมัครงาน

ในอนาคต AI อาจเป็นผู้ตัดสินหลักว่า ใครจะได้เข้าทำงานในหน่วยงานต่างๆทั่วโลก  

You may also like

เปิดตัวดัชนีชี้วัดความปลอดภัยของเด็ก บนโลกออนไลน์ทั้งในระดับชาติและระดับโลก

เปิดตัวด