AI จะทดแทนงาน 300 ล้านตำแหน่ง
ใครไม่ใช้ AI จะไม่มีอนาคตการงาน
Generative AI ตัวเร่งทำให้เกิด AGI
สุทธิชัย ทักษนันต์
Amazon เป็นยักษ์เทครายล่าสุดที่เริ่มเปิดตัว Generative AI ที่ชื่อว่า Bedrock
สงครามตลาดผู้ให้บริการ Cloud กำลังจะระเบิด
ในปัจจุบัน AWS ของ Amazon เป็นผู้นำตลาดคลาวด์ โดยมี Microsoft Azure และ Google เป็นคู่แข่งขันสำคัญ
Microsoft ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ OpenAI ได้นำเทคโนโลยี Generative AI ของ OpenAI ไปใส่อยู่ในทุกผลิตภัณฑ์ของ Microsoft
ChatGPT ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในปัจจุบัน สร้างและพัฒนาใน Microsoft Azure ใครต้องการ API ของ OpenAI สามารถใช้จากคลาวด์ของ Microsoft
ลูกค้า AWS ที่ต้องการใช้ Generative AI ของ OpenAI สามารถเลือกใช้งานแบบ Multi-Cloud ซึ่งหมายถึงการใช้คลาวด์จากผู้ให้บริการคลาวด์หลายแห่ง
การเปิดตัว AWS Bedrock จะช่วยดึงผู้ใช้บริการคลาวด์บางกลุ่มไม่ให้หนีไปใช้บริการจากที่อื่น
นับถึงปัจจุบัน บริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของโลกที่มี Generative AI แล้ว คือ Microsoft (GPT, ChatGPT, DALL-E), Google (PaLM, Bard), Meta (LLaMA), Amazon (AWS Bedrock), Tencent (HunyuanAide), Baidu (Ernie), Alibaba
AI เริ่มมีใช้กันมาหลายปีแล้ว นับวันก็พัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลที่มีมากขึ้น และศักยภาพของคอมพิวเตอร์ที่ดีขึ้น ทำให้ AI มีประสิทธิภาพมากขึ้น
หลายปีที่ผ่านมานี้ คนทั่วไปรู้จัก AI ผ่านข่าวหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทเทคต่างๆเท่านั้น แต่หลังการเปิดตัวต่อสาธารณะของ ChatGPT เมื่อวันที่ 30-11-2022 ทำให้คนทั่วไปในโลกตื่นตัวและตื่นเต้นกับกระแสของ AI และเชื่อว่ามันจะมีผลกระทบกับชีวิตผู้คนในวงกว้าง
ในสหรัฐอเมริกา ปี 2001 เป็นปีที่แย่ที่สุดเรื่องการเลิกจ้างคนทำงานด้านเทคโนโลยี แต่มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2023 จะแย่กว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2001
ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2023 มีรายงานผลการวิจัยจาก Goldman Sachs บอกว่า Generative AI จะมีผลกระทบต่องาน 300 ล้านตำแหน่งทั่วโลก
งานที่จะได้รับผลการะทบรุนแรง เช่น งานบริหารจัดการ กฎหมาย วิศวกรรม สถาปัตยกรรม วิทยาศาสตร์ การเงิน
ระบบอัตโนมัติที่ไม่ต้องใช้คน จะถูกนำมาทำงานแทนคน
งานเขียน Code สั่งงานคอมพิวเตอร์ที่เคยคิดว่าเป็นงานที่ปลอดภัย วันนี้ AI ทำงานแบบนักพัฒนาได้แล้ว แม้ว่าวันนี้จะทำงานเขียน Code เบสิกได้เป็นหลัก แต่ในอนาคตมันจะทำงานที่ยากขึ้นได้แน่ๆ
ChatGPT และ Generative AI จากบริษัทเทคต่างๆ สามารถทำงานได้หลายอย่างที่วันนี้ใช้คนทำงานจำนวนมาก และทำงานได้ดีกว่า ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่ามากๆ
ในขณะที่งานอาจหายไปจริงมากกว่า 300 ล้านตำแหน่ง แต่มันจะมีงานรูปแบบใหม่ๆเกิดขึ้นอีกมากมาย
สมัยที่มี ATM ใหม่ๆ ใครๆก็คิดว่า คนทำงานธนาคารจะตกงานกันหมด แต่ที่จริงกลับมีงานใหม่ๆของธนาคารเกิดขึ้นมากมาย
AI ที่มาทำงานแทนคน ช่วยทำให้งานต่างๆดีขึ้น ผู้คนไม่จำเป็นต้องทำงานซ้ำซากดักดานที่น่าเบื่อหลายอย่าง
สิ่งที่คนต้องพัฒนาโดยด่วน คือ การปรับตัว และเอา AI มาใช้เป็นเครื่องมือในการทำงาน ใครไม่เอา AI มาใช้ จะไม่มีอนาคตในการทำงาน
มนุษย์ไม่มีทางแข่งขันกับเครื่องจักรที่ทำงานหนักๆได้ดีกว่า
มนุษย์ไม่สามารถทำงานซ้ำๆ หรืองานละเอียดที่มีข้อมูลมากๆได้ดีกว่า AI
งานแห่งอนาคต คือ งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์
AI จะมีส่วนสำคัญใน Industrial Revolution ครั้งที่ 4 ของโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
มีการเปรียบเทียบว่าการเกิดขึ้นของ AI มันยิ่งใหญ่เท่ากับยุคที่โลกเพิ่งเริ่มมีไฟฟ้าใช้
แต่การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ๆทุกครั้งในโลก มักมีข้อถกเถียงถึงด้านบวกและลบอยู่เสมอ
เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม 2023 หลังการพัฒนาของ OpenAI สู่ GPT-4 อีลอน มัสก์ และผู้นำเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงของโลกจำนวนมาก ได้เสนอให้มีการหยุดพัฒนาอะไรที่มีศักยภาพเหนือกว่า GPT-4 ไว้ก่อน 6 เดือน ควรมีการทบทวนและวางกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนขึ้น ไม่อย่างนั้นเราอาจเห็น AI ที่เป็นภัยกับมนุษย์จริงๆ
สิ่งที่มีคนกลัวกันมาก คือ AGI (Artificial General Intelligence) ซึ่งหมายถึง AI ที่มีระดับความเฉลียวฉลาดเหมือนคน ซึ่งมันจะพัฒนาไปไกลถึง ASI (Artificial Super Intelligence) หรือ AI ที่ฉลาดกว่าคน
เจฟฟรีย์ ฮินตัน คนที่ได้ชื่อว่า “The Godfather of AI” เคยให้ความเห็นว่า กว่าจะได้เห็น AGI คงต้องรอนานมากกว่า 20 ปี แต่วันนี้เขาเชื่อว่ามันจะใช้เวลาน้อยกว่านั้น
Generative AI อย่าง ChatGPT จะเป็นตัวเร่งทำให้เกิด AGI เร็วขึ้น สิ่งที่เคยคิดว่าต้องใช้เวลานานกว่า 20 ปี อาจได้เห็นเร็วขึ้นในเวลา 5 ปี!!!
Social Links