ETA ผุดThailand Ultimate ดึงต่างชาติเข้าไทย

ETA ผุดThailand Ultimate ดึงต่างชาติเข้าไทย

……………………………………………………

                ETA ผนึก “อีทีเอ มันนี่” คลอดโปรเจ็คต์ Thailand Ultimate Privilege Card ให้สิทธิชาวต่างชาติเกรด A “กลุ่มนักธุรกิจ-กลุ่มท่องเที่ยว-กลุ่มวัยเกษียณฯ” พักอาศัยในไทย 20 ปี ตั้งเป้าขั้นต่ำลูกค้าปีแรก 1,000 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวทางการ มี.ค.62

                นายศตพล จันทร์ณรงค์ นายกสมาคมการค้าพาณิชย์อีเล็กทรอนิกส์เพื่อธุรกิจท่องเที่ยว (ETA) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท อีทีเอ มันนี่ จำกัด เจ้าของเหรียญสกุลเงินดิจิทัล (คริปโตเคอเรนซี่) สัญชาติไทยที่ชื่อ “อีทีเอคอยน์” พร้อมด้วยผู้บริการระดับสูง ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวโครงการใหม่ “Thailand Ultimate Privilege Card” เพื่อจับกลุ่มชาวต่างชาติระดับบน (เกรด A) ที่พร้อมจ่าย เพื่อให้ได้การบริการที่แตกต่างไปจาก  Privilege Card อื่นๆ

                นายศตพลกล่าวว่า เครือข่ายสมาชิกของสมาคมฯทั้งในและต่างประเทศ จะเป็นตัวเชื่อมโยงที่สำคัญทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี โดยความร่วมมือครั้งนี้ จะช่วยผลักดันให้ชาวต่างชาติหันมาลงทุนในไทยมากขึ้น สร้างรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ดีขึ้น รวมถึงสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวที่ถือเป็นจุดเด่นของไทย ซึ่ง “Thailand Ultimate Privilege Card” ไม่ได้โฟกัสเฉพาะชาวต่างชาติ อาทิ กลุ่มนักธุรกิจที่เน้นพักอาศัยยาวนานในไทย หรือผู้ที่ชอบการท่องเที่ยวแบบพักผ่อน เช่น เล่นกอล์ฟ สปา ล่องเรือยอร์ช หรือแม้แต่กลุ่มนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก และกลุ่มผู้สูงวัยที่เข้ามาเพื่อรับบริการรักษาโรคในไทย เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลุ่มคนไทยที่ต้องการความแตกต่างจากบริการที่เคยได้รับอีกด้วย

                เขายืนยันว่า นักลงทุนที่ถือเหรียญ “อีทีเอคอยน์” สามารถนำมาใช้สมัครเป็นสมาชิกบัตรนี้ โดยแบ่งจ่ายบางส่วนตั้งแต่ 10-30% ของค่าสมาชิกกลุ่มต่างๆ ซึ่งเบื้องต้นในกลุ่มต่างชาติ จะโฟกัสทรีกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย รวมถึงชาวอังกฤษที่บริษัทฯมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว

                ด้านนางสาวธนสร ทองมากกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีทีเอ มันนี่ จำกัด กล่าวเสริมว่า ความแตกต่างที่โดดเด่นของ “Thailand Ultimate Privilege Card” คือ การรวบรวมสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่าเอกสิทธิ์และมากกว่าการใช้ชีวิตที่เหนือระดับ โดนเฉพาะสิทธิประโยชน์ในการพักอาศัยในไทย (วีซ่า) ยาวนานครั้งละ 5 ปี ต่อเนื่องถึง 20 ปี โดยบริษัทฯได้ประสารไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินงานในด้านนี้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงจับมือกับโครงการ Thailand Elite Card เพื่อต่อยอดโครงการสนับสนุนการท่องเที่ยวของไทยแล้วเช่นกัน

                สำหรับ “Thailand Ultimate Privilege Card” ในกลุ่มชาวต่างชาติแบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ 1.Thailand Ultimate Cream (20 ปี) ค่าสมาชิกรายปี 5,000,000 บาท ครอบคลุมมูลค่าการใช้บริการ 10 ล้านบาท 2.Thailand Ultimate The Premier (10 ปี) ค่าสมาชิกรายปี 3 ล้านบาท ครอบคลุมมูลค่าการใช้บริการ 6 ล้านบาท 3.Thailand Ultimate The Family Prime (20 ปี) ค่าสมาชิกรายปี 2 ล้านบาท โดยต้องสมัคร Thailand Ultimate Cream ก่อน ครอบคลุมมูลค่าการใช้บริการ 4 ล้านบาท 4.Thailand Ultimate The Superior (5 ปี) ค่าสมาชิกรายปี 1 ล้านบาท ครอบคลุมมูลค่าการใช้บริการ 2-3 ล้านบาท และ 5.Thailand Ultimate The Alternative (1 ปี) ค่าสมาชิกรายปี 500,000 บาท ครอบคลุมมูลค่าการใช้บริการ 2 ล้านบาท โดยเป็นส่วนต่อเนื่องจากโครงการ Thailand Elite Card

                ส่วนสมาชิกชาวไทย บริษัทฯได้จัดทำไว้ 2 บัตร คือ 1.Thailand Ultimate The Priority Plus (1 ปี) ค่าสมาชิกรายปี 500,000 บาท และ  1.Thailand Ultimate The Priority (1 ปี) ค่าสมาชิกรายปี 200,000 บาท ซึ่งจะได้รับบริการ คูณ 2 เท่าเป็นอย่างน้อย ทั้งนี้ หากลูกไม่ได้ใช้สิทธิในการเข้าพักอาศัยในคอนโดมีเนียม ระดับพรีเมี่ยมใจกลางกรุงเทพฯ ก็จะได้รับผลตอบแทนในแต่ละเดือนอีกด้วย

                “เราวางแผนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมีนาคมปีหน้า โดยระหว่างนี้ บริษัทฯได้จัดเตรียมความพร้อมทั้งด้านเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจ สำนักงานใหญ่ (ตึกภิรัช ชั้น 23 ไบเทคบางนา) เทคโนโลยี และบุคลากร พร้อมกับสร้างเครือข่ายทั้งในกลุ่มองค์กร/บริษัท และบุคคลทั่วไป เพื่อหาสมาชิกเข้าร่วมโครงการฯ เบื้องต้นตั้งเป้าจะมีสมาชิกในกลุ่ม Thailand Ultimate Cream ราว 200 ราย หรือ 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2562 และหากรวมสมาชิกกลุ่มอื่นๆ ทั้งชาวต่างชาติและคนไทย รวมทั้งสิ้น 1,000 ราย” นางสาวธนสร ระบุ และย้ำว่า…

                สมาชิก “Thailand Ultimate Privilege Card”ทุกคน จะได้รับการบริการที่เหนือกว่าบัตร Privilege Card ทุกใบที่มีในเมืองไทย เนื่องจากบริษัทฯมีเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจมากมายในต่างประเทศ โดยเฉพาะการมี Co-Working Spaces 3,000 สาขาทั่วโลก และอีก 24 สาขาในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ ยังมีบริการพิเศษอื่นๆ ตั้งแต่เดินทางและเข้าพักอาศัยในไทย อาทิ บริการตรวจคนเข้าเมือง, ต่อวีซ่า, ทำใบขับขี่ เปิดบัญชีธนาคารในไทย ฯลฯ นอกเหนือจากบริการพิเศษอื่นๆ.