“ซิโนฟาร์ม” …วัคซีนตัวที่ 5 ที่ อย.ให้นำเข้าไทยได้
ถือว่าเป็นทางเลือก….ของใคร ?
ประไพ ยั่งยืน
หลายคนได้ติดตามกันไปแล้วแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม่ 2561 ที่มีการแถลงข่าวของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาเป็นประธานพิธีการแถลงข่าว งานนี้ถือว่าราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เป็นนางเอก โดยมีพระเอกอย่างนายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการ อ.ย. ที่มาจับมือนางเอกในการสร้างภาพให้สมบูรณ์มากขึ้น
ประชาชนหลายคนดีใจว่าสามารถที่เดินเข้ามาฉีด วัคซีน “ซิโนฟาร์ม” ได้จากโรงพยาบาลของรัฐที่ได้จัดไว้ให้ “ ได้รับคำตอบอย่างชัดเจนแล้วจาก ศ.นพ. นิธิ มหานนท์ ว่า ซิโนฟาร์ม นั้นเป็นวัคซีนทางเลือก สรุปง่าย ๆ ว่าไม่สามารถเข้าร่วมในการ ฉีดวัคฟรี ให้กับประชาชนได้ ประชาชนนั้นฉีดได้ตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ให้เพียง 2 ตัวเท่านั้น คือ แอสต้าเซนเนก้า และซีนโนแวค หรือยังไม่แน่ว่ารัฐบาลจะให้ตัวไหนกับประชาชน เพราะทุกอย่างยังไม่ชัดเจน วันนี้มี อีกวันไม่มี วันนี้ Walk In ได้ อีกวันหนึ่งบอกว่าไม่ได้ รัฐบาลอยากให้ประชาชนไปฉีด ให้ไปลงทะเบียน แต่วัคซีนยังไม่พร้อม คำถามที่ประชาชนอยากรู้
1.ทำไมต้องลงทะเบียน ทั้งนี้เพราะโรงพยาบาลทุกโรงก็มีประวัติของผู้ป่วยทุกคนอยู่แล้ว หรือว่่าในประเทศและในโลกนี้มีใครเกิดมาแล้วไม่เคยเข้าโรงพยาบาลบ้าง?
2.ประชาชนคนไทยทุกคนมีเลข ID 13 หลัก บัตรประชาชน ที่สามารถตรวจสอบจากกระทรวงมหาดไทยโดยกรมการปกครอง หรือจะพ่วงสำนักงานงานสถิติแห่งชาติเข้าไปดด้วยก็ได้นะ
3.ทำไมรัฐไม่กำหนดไปเลยว่าวันไหน เดือนไหน อายุเท่าไหร่ เช่น 60 ปีขึ้นไป เดือน เมษายน ทั้งเดือน // พฤษภาคม 40-60 ปี //มิถุนายน 25-40 ปี กรกฎาคม 15-25 ปี ที่เหลือเป็นพวกตกค้าง
ซึ่งถ้ารัฐกำหนดอย่างนี้ก็ไม่ต้องมายุงยากกับการลงทะเบียนใน หมอพร้อม หรือแอปอะไรให้ยุงยากกับพวกที่ไม่มีสมาร์โฟน หรือไม่สามารถที่จะเข้าถึงอินเตอร์เนต และทำสำคัญไม่ต้องจ่ายงบประมาณของรัฐในการจ้างทำแอปอีกด้วย นี่คือการประหยัดงบให้กับรัฐ และประชาชนก็สามารถเข้าถึงได้ทุกกลุ่มคน และที่สำคัญประชาชนก็ประหยัดตังในกระเป๋าด้วยในการซื้ออินเตอร์เนต
กลับเข้ามาเรื่องของวัคซีน “ซิโนฟาร์ม ” ต้องยอมรับว่าเป็นผลงานของราชวิทยาลัยที่ทำให้ประเทศ และกลุ่มคนมีทางเลือกมากขึ้น และที่สำคัญก็คือลดงบประมาณของรัฐไปโดยเฉพาะการขายให้กับกลุ่มของ ปตท. (อาจจะรวมกระทรวงพลังงาน) และสภาอุตสหกรรม ซึ่ง 2 กลุ่มนี้ที่จองไปก็หลายแสนคนแล้วที่ลดงบประมาณของชาติไป และได้ข่าวว่า อบจ.ของปทุมธานี , อบจ.พระนครศรีอยุธยา , อบจ. ตรัง และที่อื่น ๆ ก็เริ่มทยอยสั่งเช่นกัน
เมื่อมีกลุ่มทางเลือกสั่งจำนวนมาก ก็แสดงว่ารัฐ “ ก็สามารถลดงบประมาณลงได้มากเช่นกัน “ รัฐไม่ต้องจ่ายเงินให้กับประชาชนกลุ่มที่มีทางเลือก ตรงนี้ฝากผู้ที่เกี่ยวข้องหรือหน่วยที่เฝ้าระวังช่วยกันจับตาดูเอาก็แล้วกันว่างบของรัฐในการจัดซื้อวัคซีนยังคงเท่าเดิม หรือลดลงหรือไม่
เพราะที่ผ่านมามีผู้หาประโยชน์จากโควิด 19 ในทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ช่างไม่ละอายแก่ใจบ้างเลย…….!!
Social Links