"รัฐธรรมนูญ" เป็นปัญหาร้อนแรง แต่ละฝ่ายก็เลยเล่นกันแรง!!
นายจักรยาน
"รัฐธรรมนูญ" ทุกฉบับที่่นี่ประเทศไทยที่บรรจงร่างขึ้นมาจากภายหลังที่มีการปฏิวัติยึดอำนาจจากกองทัพมักจะมี "ปีญหา" และ "อาถรรพณ์" ที่อาจเกิดขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง
ด้วยเหตุฉะนี้ "รัฐธรรมนูญปี 2560" ของไทยที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศในขณะนี้ที่มาจาก คสช.(คุณสมชาย) ก็ย่อมเป็น "รัฐธรรมนูญ" เจ้าปัญหา เหมือนเดิม
พรรคการเมืองส่วนใหญ่ และนักการเมืองส่วนมากต่างพร้อมใจกันสายหน้า เพื่อเดินหน้ารณรงค์ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นรัฐธรรมนูญที่ทุกฝ่ายพยักหน้ารับได้กันทุกมาตรา
เมื่อพรรคการเมืองที่จำต้องเป็น "ฝ่ายค้าน" จากฤทธิ๋์ของรัฐธรรมนูญเจ้าปัญหา ก็ต้องชูประเด็นแก้ไข "รัฐธรรมนูญ" เป็นหลักมากกว่าประเด็นอื่น ๆ
แม้ว่าเรื่องแก้ไขรัฐธรรม่นูญจะเป็น 1 ในนโยบายหลักของ พรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องร่วมกันแก้ไขเช่นกัน แต่"ลุงตู่" ไม่ถือธงแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เมื่อยมือ ขอแก้ไขปากท้องชาวบ้านเป็นหลักก่อน!!
โดยนำเงินภาษีประชาชนมากระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนมีเงินจับจ่ายใช้สอยท่องเที่ยวที่มีหลายโครงการที่ทำไปแล้ว และกำลังจะทำอีก เพื่อให้เงินในประเทศหมุนไปหมุนมาได้สะดวกไม่ติดขัด
ฝ่ายรัฐบาลก็ตีปี๊บผลงานกระทุ้งเศรษฐกิจว่าได้ผลดี ชาวบ้านยินดีต้อนรับทุกแผนการ แต่ทว่า "ฝ่ายค้าน" ไม่ยินดีด้วย มุ่งโจมตีทุกเรื่องทุกเม็ดว่าไม่มีอะไรดีเลยสักเรื่อง
สำหรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะเป็นเรื่อง "เจ้าปัญหา" หรือไม่ ก็เป็นเรื่องผลของกรรมที่รัฐบาลได้กระทำลงไปว่าจะดีขึ้นหรือแย่กว่าเดิม
ส่วน "รัฐธรรมนูญ"เจ้าปัญหานั้น ปล่อยให้ "พรรคฝ่ายค้าน" เป็นแกนนำเดินสายไปทั่วประเทศปลุกประชาชนให้เเห็นดีเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
วิธีการระดมของประชาชนในแต่ละแห่งมักจะประดิษฐ์วาทกรรมแรง ๆ ที่กระทบไปถึงการสืบทอดอำนาจของรัฐบาล "ลุงตู่" ให้มีภาพลักษณ์เสียหาย
บางครั้งบางคราวก็พูดเลยเถิดให้เกิดความสะใจจนตีความว่าอาจทำให้เกิดความขัดแย้งและแบ่่งฝักแบ่งฝ่าย??
ล่าสุด 7 แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านและนักวิชาการอาจารย์ได้ยกพลไปเสวนา"รัฐธรรมนูญ"เจ้าปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขอเสียงสนับสนุนจากประชาชนในพื้นที่
ไม่รู้ว่าพูดเลยเถิดเตลิดเปิดเปิงไปท่าไหน ทำให้ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้าสะดุ้งโหยงว่าเป็นการพูดที่กระทบถึงความมั่นคงของปรเทศไปในทำนองยุยงปลุกปั่นคนในชาติ
โดยเฉพาะพูดไปถึงให้มีการรื้อแก้ไขมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ว่า "ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักอันหนึ่งเดียวจะแบ่งแยกมิได้"
ดังนั้น กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้าส่งนายทหารไปแจ้งความเอาผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 116 กับแกนนำพรรคฝ่ายค้านและนักวิชาการฐานพูดให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง
ด้วยข้อหาว่าเป็นที่ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำตามมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบในราชอาณาจักรเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน
ทางด้าน 7 พรรคฝ่ายค้านก็แก้เกมทันควันแจ้งความกลับฐานแจ้งความเท็จ เพราะทุกคนพูดตามสิทธิเสรีภาพทางการเมืองและความคิดเห็นทางวิชาการ
ผู้สันทัดกรณีเรื่องยุ่ง ๆ วิเคราะห์มาว่า เมื่อ "ฝ่ายค้าน" เล่นแรงเรื่อง "รัฐธรมนูญ" โดยลากโยงเรื่องความละเอียดอ่อนไหวในพื้นที่ชายแดนภาคใต้เข้ามาผสมด้วย
หน่วยงานของรัฐก็ต้อง "เล่นแรง" กลับไปบ้าง!!
เมื่อปัญหาแรง ๆ กรณีดังกล่าวได้เข้าสู่่กระบวนการของกฎหมายแล้ว ก็ต้องรอคอยผลของกฎหมายว่าตัดสินออกมาอย่างไรว่าผิดหรือไม่ผิด??
เพราะฉะนั้นเวลานี้ขอให้สาธุชนทั้งหลายรับฟังทั้งสองฝ่ายอย่างมีสติและปัญญา อย่าเพิ่งเขื่อสนิทใจในความคิดเห็นของแต่ละฝ่าย!?!
ปัญหาการเมืองที่เกี่ยวกับ "รัฐธรมนูญ" เจ้าปัญหา ก็มีปัญหาทะลักออกมาทีละเรื่องสองเรื่องให้บานหุบไม่ลง เรื่องนี้จบก็มีอีกเรื่องโผล่ขึ้นมาอีก
แต่ถ้าประชาชนมองปัญหาของ "รัฐธรรมนูญ" ให้เป็นเรื่องขำขันแบบทายปัญหากันเล่นว่าอะไรเอ่ย ก็จะทำให้จิตแจ่มใสเบิกบานใจ!!
ปัญหาที่น่าจะทายกันเล่น ๆ ขำ ๆ เป็นเรื่องแรกก็คือ คำพูดโฆษณาชวนเชื่อที่ว่า "แก้ไขรัฐธรรมนูญ จะทำให้แก้ไขปากท้องของประชาชนได้" จะเป็นจริงหรือ??
สถานการณ์น้ำท่วมในภาคอีสานหลายจังหวัด และปัญหา "ฝุ่นพิษ" ที่พ่นความอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนในกรุงเทพมหานครและหลายเมืองในจังหวัดต่าง ๆ ในขณะนี้
ถ้ามีวาทะเด็ดโปรปะกันด้าจาก "ฝ่ายค้าน" เชิญชวนให้ประชาชนเป็นพวกในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า "แก้ไขรัฐธรรมตูญ จะแก้ไขน้ำท่วมได้ทุกจังหวัด"
หรือ "แก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้ไขฝุ่นพิษได้ทั่วประเทศ"
ก็ต้องขอของคุณล่วงหน้าที่จะไม่มีสโลแกนดังกล่าวออกมาในการปลุกกระแสแก้ไขรัฐธรรมนูญ!!
มิฉะนั้นแล้ว เรา ๆ ท่าน ๆ คงจะได้ขำกลิ้งกันทั่วหล้า ฮ่า ฮ้่า ห้า!!
Social Links