HEW… พลิกวิกฤติ เป็นยุทธศาสตร์เชิงรุก
ณรงค์ ปานนอก
รัฐบาลนายกฯอนุทิน กลายเป็น “รัฐบาลหนูเหยียบสายไฟ”ชักกระตุก ถูกจับขึงพืดบนสื่อทุกสาขา รถทัวร์ทุกสายแห่วิ่งลงหาดใหญ่พร้อมหน้าโดยมิได้นัดหมาย เมื่อพญาฝน Rainbomb ตกกระหน่ำอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์มรสุมภาคใต้
คำสั่งจากรัฐบาลกลางใน กทม.แทบจะไร้ผลในช่วงชั่วโมงวิกฤติฝนตกหนัก แผ่คลุมลงใน 7-8 จังหวัดที่มีหาดใหญ่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจหลักอีกแห่งของภาคใต้
ข้าราชการระดับสูงภายใต้บังคับบัญชาของรัฐมนตรีมหาดไทย( หนู )ไล่ตั้งแต่อธิบดีกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย,รองอธิบดีก็เพิ่งย้ายมาจากหัวหน้าสำนักงานจังหวัด,ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, นายอำเภอหาดใหญ่, ผอ.กรมอุตุนิยมวิทยาภาคใต้ และอีกหลายตำแหน่ง ล้วนเป็น “มือใหม่”หัดหมุนพวงมาลัยรถที่ตัวเองเพิ่งขับ เหล่านี้กลายเป็นเบื้องหลังการบริหารภาครัฐ ( ใหญ่ – ช้า – ล้าหลัง )ที่หลายคนมองไม่ออกว่า ทำไมการขับเคลื่อนการช่วยน้ำท่วมวิปโยคภาครัฐจึงไม่ทันการณ์
กำลังทหาร, กำลัง ตชด.,กำลัง อพปร. หรือแม้แต่ กำลังนักศึกษาในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย ไม่เคยถูกฝึกให้มีทักษะในการป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ นี่แหละที่บางคนบางกลุ่มมักตั้งคำถามได้ว่า “ มีไว้ทำไม? ”
ไม่เหมือนกองทัพและกองกำลังทุกฝ่าย รวมทั้งกลุ่มจิตอาสามากมายในใจกลางกรุงเทพ ที่มีเครื่องไม้เครื่องมือทันสมัย มีรถรายานพาหนะทุกชนิดครบ ขนาดรัฐยังไม่ทันอ้าปาก เขาก็เคลื่อนที่ว่องไวไปถึงหน้างานแล้ว
ก็ดีแล้วครับที่นายกฯหนูต้องท่องคำพูดเป็นนกแก้วย้ำแล้วย้ำอีกเพื่อ ขอโทษประชาชน
ยามนี้ ในแวดวงการเมืองที่ดูเหมือน พรรคภูมิใจไทยจะได้เปรียบพรรคใดๆ ก็เหมือนเทวดาฟ้าดินจะส่องเห็นน้ำหนักภาพลักษณ์ที่ขาดความเท่าเทียม จึงได้ส่ง “พญาพิรุณอำมหิต”ลงมาถ่วงให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบด้านดุลอำนาจการเมืองตรงด้ามขวานไทย
จึงถึงเวลาที่ประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นฐานบารมีเก่า จะใช้วิชาวาทกรรมอันช่ำชองสยองปากเข้าบดขยี้บี้พรรคภูมิใจไทยให้ล้มคว่ำคะมำหงายใต้ซากล้มละลายของศูนย์เศรษฐกิจหาดใหญ่ ที่สามารถขยายผลกว้างไกลไปเกือบทุกจังหวัดภาคใต้ได้ ( เพียงยังสงสัยในท่าทีเดิมเรื่อง ดีแต่พูด หรือเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้ใคร อีกหรือไม่ )
แต่อย่าลืมกระแสการเมืองจากคนวัยฉกรรจ์ของพรรคส้ม คลื่นลูกใหม่ที่ค่อยๆแทรกซึมอยู่หลายพื้นที่ในใจกลางของทุกๆจังหวัดและพร้อมจะสะบัดอาวุธโซเชี่ยลได้อย่างรวดเร็วแม่นยำไม่แพ้กัน
ป่านนี้ฟากรัฐบาลนอกจากมึนหัวกับทัวร์ลง ก็คงต้องทำหน้าที่แก้ปัญหาต่อไป ไม่ว่าจะถูกหรือผิด หรือไม่เข้าตาประชาชน แต่ก็ต้องดั้นด้น”กวาดหาดใหญ่”ให้สะอาดราบเรียบในทุกซอกมุม พร้อมเยียวยาชีวิตทุกครอบครัวให้ฟื้นตัวเร็วที่สุด ได้ยินว่า จะให้ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ ก็จะได้พิสูจน์ว่า ทำสำเร็จจริงแค่ไหน
ในมุมของผมอาจจะซ้ำหรือต่างกับวิธีคิดวิธีทำของรัฐบาล แต่ก็อยากกระตุกบางสิ่งบางอย่างเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตินี้ให้หลุดพ้นความพินาศเร็วขึ้นก็ได้ ผมจะเรียกให้เท่ๆซักนิดว่า
“พลิกวิกฤติ เป็นยุทธศาสตร์เชิงรุก” !
- ประชาชนกำลังหิวโหย และโวยแหลกถึงขั้นยิงปืนใส่อาสาสมัคร เกิดการลักขโมยเพราะความจำเป็น ทำไมรัฐบาลไม่สั่งให้กระทรวงพาณิชย์ระดมสินค้าของกินของใช้ แล้วยกคาราวาน “ธงฟ้า ราคาถูก” ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เคลื่อนที่ไปบริการ ณ จุดที่ใกล้ชุมชนมากที่สุด ในทุกจังหวัดที่น้ำท่วม
- เมื่อกระทรวงการคลังตั้ง ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือเครือข่ายวายุภักษ์ รัฐมนตรี ดร.เอกนิติฯ สามารถสั่งพักหนี้ทั้งระบบซักระยะโดยรีบด่วน ได้หรือไม่
ต้องรีบเปิดช่องให้ชาวบ้านกู้เงินสดตามเกณฑ์พิเศษอย่างรวดเร็ว โดยจับมือกับทุกธนาคารให้ “ทำเดี๋ยวนี้”ได้หรือไม่
รถราทุกชนิดจมน้ำเดี้ยงทั้งเมือง ไปไหนมาไหนไม่ได้ กระทรวงการคลังกับกระทรวงพาณิชย์จะระดมหารถ ( มือ 2 ก็พอ ) ให้เจ้าของรถแช่น้ำเอารถไปแลกเปลี่ยนชั่วคราวมาใช้ก่อน โดยรัฐค้ำประกันให้ซัก 3-6 เดือน ได้หรือไม่
โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” รัฐมนตรีดร.เอกนิติ สามารถจัดหาเงินมาเพิ่มให้ชาวบ้านกลุ่มนี้ได้อีกเดือน 2-3 เดือน ได้หรือไม่
- กระทรวงศึกษาธิการ มีวิทยาลัยเทคนิคหลายแห่งมีนักศึกษาเรียนช่างยนต์จำนวนหนึ่ง ก็ให้เขาทำกิจกรรมจิตอาสาซ่อมรถน้ำท่วม ได้หรือไม่
- กระทรวงสาธารณสุข ถ้ามีหมอมีรถไม่พอ สามารถขอความร่วมมือจากโรงพยาบาลเอกชน ส่งรถฉุกเฉินเคลื่อนที่แห่งละ 1-3 คันพร้อมยาไปช่วยรักษาพยาบาลประจำ ณ จุดเดือดร้อนของประชาชน 7-8 จังหวัด ได้หรือไม่
- กระทรวงพลังงาน ต้องหาทางลดราคาน้ำมันในพื้นที่วิกฤติซักระยะหนึ่ง ได้หรือไม่
เรื่องค่าไฟฟ้า ต้องหยุดค่าใช้ไฟทันทีอย่างน้อย 3 เดือน ได้หรือไม่
- กระทรวงคมนาคม ไม่ต้องเสียเวลาคิด รัฐมนตรีพิพัฒน์ ( ลูกสงขลา แท้ๆ )สั่งการให้รถเมล์ใหญ่เมล์เล็กในสังกัด ยกขบวนไปตั้งสายรถเมล์บริการขนส่งผู้คนฟรี 3 เดือน ได้หรือไม่
ฯลฯ มีอีกมากมาย ถ้าคณะรัฐมนตรีชุดนี้จะระดมคนเก่งๆมาช่วยใช้วิธีการต่างๆได้อีกพะเรอเกวียน หากต้องการช่วยชาวน้ำท่วมกันอย่างจริงจัง
ข้อเสนอทั้งหมดเป็นแค่วิธีแก้ปัญหาชั่วคราวระยะสั้นเท่านั้น ไม่อาจสร้างความหวังเหมือน “รถขนฝัน”ที่โด่งดังของนักเตะฟุตบอลเยาวชนทีมหมอนทองได้ ถ้ารัฐบาลไม่คิดฝันให้ยาวไกลไปกว่านั้น
อย่าลืมว่าน้ำท่วมหาดใหญ่รอบนี้ ไม่ได้ทำลายทรัพย์สินและชีวิตของผู้คนอย่างเดียว แต่มันทำลายพื้นฐานทางเศรษฐกิจทั้งระบบ ทั้งแรงงานและอาชีพที่มีรายได้เลี้ยงตัว ก็ถูกตัดขาดพินาศไปทั้งวงจร ( ไม่แน่ระยะใกล้ๆนี้ อาจมีคนคิดสั้นเพราะหาทางออกของชีวิตไม่เจออีกก็ได้ – ระวังให้ดี ) ประชาชนและบ้านเมืองจะพบความทุกข์ลำบากไปอีกยาวอย่างน้อย 5-6 ปี
การแก้ปัญหาน้ำท่วม จึงไม่ควรหยุดแค่จ่ายค่าเยียวยาแล้วจบ แต่ต้องเดินหน้าทันทีด้วยยุทธศาสตร์ใหม่ๆ ในที่นี้ผมจึงอยากล้อโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ( EEC ) มาสร้างในพื้นที่ใกล้ๆหาดใหญ่ อาจเรียกว่า โครงการพัฒนาหน้าต่างเศรษฐกิจหาดใหญ่ ( Hadyai Economic Window – HEW – หิว ) โดยเริ่มต้นด้วยผลผลิตหลักจากยางพาราที่มีอยู่แล้ว นำเข้าสายพานธุรกิจอุตสาหกรรมเป็นตัว “ เปิดเกม”
เป็น Model ขนาดย่อ แล้วยกระดับเป็นเมืองเศรษฐกิจ จึงจะรองรับปัญหาจากวิกฤติน้ำท่วมแบบราพณาสูรที่หาดใหญ่ได้ จากนั้นกระทรวงคมนาคมก็สร้างเส้นทางการขนส่งทางทะเล ทางบกและทางอากาศบรรจุเข้าไปให้พร้อมสรรพ ซึ่งยุทธศาสตร์ใหม่ๆแบบนี้จะไปหนุนเสริมโครงการ Landbridge ในอนาคตได้อย่างพอดิบพอดี
ท่านนายกฯอนุทิน จะปิ๊งไอเดียเฟอะฟะของผมหรือไม่ ก็แล้วแต่จะพิจารณา
แต่ผมว่า ถ้าท่านนายกฯจะบินลงไปหาดใหญ่อีกรอบ เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว ท่านกรุณาจูงมือ รมว.พิพัฒน์ ไปแอบนอนในชุมชนเขต 8 ซักคืนนึง ก็น่าจะเรียกเสียงฮือฮาคืนมาได้ไม่น้อย
อย่าลืมว่า อดีตนายกฯแม้ว ใส่ผ้าขาวม้าควงขันอาบน้ำถ่ายรูป ก็เคยทำมาแล้ว
อ้อ อาทิตย์หน้า ท่านก็ยุบสภาแล้ว ใช่มั้ยครับ ?
THAI
Social Links