KYC Automation
ลดภาระ ลดความเสี่ยง เพิ่มความเชื่อมั่นให้ลูกค้า
ในยุคดิจิทัลที่ธุรกรรมออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญ การรู้จักตัวตนของลูกค้า หรือที่เรียกว่า KYC (Know Your Customer) กลายเป็นมาตรการสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจดำเนินงานได้อย่างปลอดภัยและสอดคล้องกับกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการเงิน สินเชื่อ การลงทุน หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆKYC คือกระบวนการยืนยันตัวตนของผู้ใช้งาน ตั้งแต่ขั้นตอนลงทะเบียน ตรวจสอบเอกสาร ไปจนถึงการติดตามประวัติย้อนหลังของลูกค้า ระบบนี้ช่วยให้ธุรกรรมเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกง การปลอมแปลงเอกสาร และการฟอกเงิน ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายองค์กรพบเจอในปัจจุบัน
KYC กับเทคโนโลยีดิจิทัล
จากเดิมที่การยืนยันตัวตนต้องทำด้วยเอกสารและบุคลากร ระบบ KYC ปัจจุบันสามารถทำงานได้แบบ Digital KYC ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น AI, Face Recognition และ Biometric ซึ่งช่วยให้การตรวจสอบตัวตนมีความแม่นยำ ปลอดภัย และรวดเร็ว
ฟีเจอร์สำคัญของระบบ KYC ได้แก่
– eKYC / Digital Verification: ตรวจสอบเอกสารดิจิทัล เช่น บัตรประชาชน, พาสปอร์ต หรือเอกสารราชการ ด้วยความแม่นยำสูง
– Face Recognition / Biometric: ระบบจดจำใบหน้าและข้อมูลชีวภาพ ป้องกันการปลอมแปลงตัวตน
– ฐานข้อมูลภายนอก: เชื่อมต่อ blacklist, AML database และฐานข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อตรวจสอบความเสี่ยงของลูกค้า
– Ongoing Monitoring: ตรวจสอบพฤติกรรมและกิจกรรมลูกค้าแบบเรียลไทม์
– Spoof Prevention: ป้องกันการโจมตีจากผู้ไม่หวังดีที่พยายามปลอมแปลงข้อมูล
ทำไมธุรกิจควรมีระบบ KYC
สำหรับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเงิน การลงทุน หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ ระบบ KYC ไม่ใช่เพียงเครื่องมือทางเทคโนโลยี แต่เป็น เกราะป้องกันความเสี่ยง ที่ช่วยให้ธุรกิจ
– สอดคล้องกับข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแล เช่น ธปท., กลต., ปปง.
– ลดความเสี่ยงจากการฟอกเงินและการใช้ข้อมูลปลอมแปลง
– สร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า
– ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน ด้วย Digital KYC แบบออนไลน์
– ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ด้วยระบบตรวจสอบอัตโนมัติ
คุณสมบัติที่ครบถ้วนของระบบ KYC ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถระบุและจัดการความเสี่ยงเชิงลึกได้ เช่น การแยกประเภทลูกค้าตามระดับความเสี่ยง และการตรวจสอบกิจกรรมต้องสงสัยแบบเรียลไทม์

คุณพัทธนันท์ นุ่มผ่อง CDO จาก Standupcode By Lodash Thailand กล่าวว่า
“KYC เป็นมากกว่าการตรวจสอบเอกสาร มันคือเกราะป้องกันความเสี่ยงของธุรกิจยุคดิจิทัล การใช้เทคโนโลยีช่วยให้เราตรวจสอบลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ป้องกันการปลอมแปลงข้อมูล และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ระบบ KYC ที่ดีควรเชื่อมต่อฐานข้อมูลภายนอก ทำงานแบบเรียลไทม์ และสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับธุรกิจแต่ละประเภท
ซึ่งหลายธุรกิจมองว่า KYC เป็นขั้นตอนที่ซับซ้อน แต่การวางระบบที่ดี จะช่วยลดงานซ้ำซ้อน ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถโฟกัสกับงานวิเคราะห์เชิงลึก และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานได้ เราจึงเห็นว่าธุรกิจ Fintech, Lending และ Insurance ที่ลงทุนใน KYC แบบดิจิทัล สามารถลดความเสี่ยงจากการทุจริตได้มากขึ้น และสร้างความน่าเชื่อถือในตลาด”
โซลูชัน KYC จาก Standupcode
Standupcode By Lodash Thailand ให้บริการพัฒนาระบบ KYC แบบ Customize ที่ตอบโจทย์ทั้งเชิงธุรกิจและกฎหมาย สามารถเชื่อมต่อ API ภายนอก ปรับ UI/UX ให้เข้ากับแบรนด์ และวางระบบจัดเก็บข้อมูลตามมาตรฐาน ISO/GDPR
บริการครอบคลุม
– ออกแบบ Workflow KYC: ปรับกระบวนการให้รวดเร็วและแม่นยำ
– เชื่อมต่อระบบยืนยันตัวตน: เช่น NDID, Face++, Thai e-passport
– ระบบอนุมัติอัตโนมัติ/Manual Review: ตรวจสอบและอนุมัติคำขออย่างรวดเร็ว
– Audit Log และ Reporting: บันทึกกิจกรรมและสรุปรายงานภาพรวม
ข้อดีของการใช้ระบบ KYC เฉพาะองค์กร
– ลดความซับซ้อนในการทำงาน และแยกประเภทความเสี่ยงได้ชัดเจน
– รวบรวมข้อมูลและสื่อสารกับลูกค้าได้มีประสิทธิภาพ
– รองรับการทำงานเป็นทีมและการขยายตัวในอนาคต
– ควบคุมมาตรการความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
“KYC เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับธุรกิจยุคใหม่ ไม่เพียงช่วยให้ปลอดภัย แต่ยังสร้างความน่าเชื่อถือและปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ” คุณพัทธนันท์ สรุป
สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการ KYC ของ Standupcode ได้ที่: https://www.standupcode.tech/th/solution/risk-management/kyc
THAI
Social Links