PwC เผยผลสำรวจซีอีโอทั่วโลกปี 2568 พบ 3 ใน 5 มองเศรษฐกิจโลกในแง่บวก พร้อมเดินหน้าเพิ่มการจ้างงานและการใช้ AI

PwC เผยผลสำรวจซีอีโอทั่วโลกปี 2568 พบ 3 ใน 5 มองเศรษฐกิจโลกในแง่บวก พร้อมเดินหน้าเพิ่มการจ้างงานและการใช้ AI

PwC เผยผลสำรวจซีอีโอทั่วโลกปี 2568

พบ 3 ใน 5 มองเศรษฐกิจโลกในแง่บวก

พร้อมเดินหน้าเพิ่มการจ้างงานและการใช้ AI

ซีอีโอเกือบ 60% คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้นจาก 38% ในปีที่แล้ว และ 18% เมื่อสองปีก่อน

42% วางแผนเพิ่มจำนวนพนักงานในอีก 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งมากกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับกลุ่มที่คาดว่าจะลดจำนวนพนักงาน โดยซีอีโอส่วนใหญ่ระบุว่า GenAI ช่วยส่งเสริมการจ้างงานมากกว่าลดจำนวนพนักงาน

ซีอีโอเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้จาก GenAI โดย 56% รายงานว่าประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ขณะที่ 1 ใน 3 พบว่ากำไร (34%) และรายได้ (32%) เพิ่มขึ้น

ซีอีโอ 42% เชื่อว่าบริษัทของตนจะไม่สามารถอยู่รอดได้เกิน 10 ปีหากไม่ปรับตัวครั้งใหญ่ โดยเกือบ 4 ใน 10 ระบุว่าได้เริ่มแข่งขันในภาคธุรกิจใหม่แล้วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ มีโอกาสที่จะส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นมากกว่ารายได้ลดลงถึง 6 เท่า

 

ผลการสำรวจซีอีโอทั่วโลกประจำปี ครั้งที่ 28 ของ PwC ซึ่งเปิดตัวในวันนี้ระหว่างการประชุมประจำปีของ World Economic Forum เปิดเผยว่า เกือบ 60% ของซีอีโอทั่วโลกคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า

รายงานนี้ได้สำรวจความคิดเห็นซีอีโอ 4,701 ราย จาก 109 ประเทศและดินแดน และยังพบอีกว่า ซีอีโอ 42% คาดว่าจะเพิ่มจำนวนพนักงานอย่างน้อย 5% ในอีก 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งมากกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับกลุ่มที่คาดว่าจะลดจำนวนพนักงาน (17%) และเพิ่มขึ้นจาก 39% ในปีที่แล้ว โดยสัดส่วนสูงสุด (48%) มาจากบริษัทขนาดเล็ก (มูลค่าต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และบริษัทในภาคเทคโนโลยี (61%) อสังหาริมทรัพย์ (61%) ไพรเวทอิควิตี้ (52%) และเภสัชภัณฑ์และวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (51%)

แม้ซีอีโอจะมองเศรษฐกิจโลกในแง่บวก แต่ความผันผวนทางเศรษฐกิจมหภาค (29%) และเงินเฟ้อ (27%) ยังคงเป็นความเสี่ยงอันดับต้น ๆ สำหรับปีข้างหน้าที่ซีอีโอทั่วโลกกล่าวถึง โดยมีความแตกต่างชัดเจนเมื่อแยกตามภูมิภาค ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ถือเป็นความเสี่ยงสูงสุดในตะวันกลาง (41%) และยุโรปกลางและตะวันออก (34%) ส่วนในยุโรปตะวันตก ความเสี่ยงทางไซเบอร์ (27%) เป็นสิ่งที่น่ากังวลมากกว่าการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ (25%) และเงินเฟ้อ (24%) อยู่เล็กน้อย โดยมีความผันผวนทางเศรษฐกิจมหภาคอยู่อันดับหนึ่งที่ 29% ขณะที่เงินเฟ้อเป็นสิ่งที่น่ากังวลมากเป็นอันดับหนึ่งในแอฟริกา (39%) ด้านอเมริกาเหนือและเอเชียแปซิฟิกให้ความสำคัญกับความเสี่ยงในระดับที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยทั่วโลก

Mohamed Kande ประธานกรรมการระดับโลกของ PwC กล่าวว่า”ผลสำรวจซีอีโอปีนี้ชี้ให้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจน โดยผู้นำธุรกิจทั่วโลกมองปีข้างหน้าในทางบวก แต่ก็ตระหนักดีว่าพวกเขาต้องปฏิรูปวิธีการสร้าง ส่งมอบ และรับมูลค่า ขณะที่เทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง GenAI ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนผ่านด้านสภาพภูมิอากาศ ล้วนเข้ามาพลิกโฉมรูปแบบของเศรษฐกิจ ระบบนิเวศทางธุรกิจใหม่ ๆ กำลังก่อตัวขึ้น ซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการแข่งขันและสร้างมูลค่าของบริษัทต่าง ๆ ทั้งนี้ บริษัทจะเจริญก้าวหน้าได้เมื่อผู้นำธุรกิจลงมือทำทันทีและตัดสินใจอย่างกล้าหาญในเรื่องกลยุทธ์ของตน ทั้งเรื่องบุคลากร ฐานการดำเนินงาน และซัพพลายเชน ไปจนถึงการปฏิรูปโมเดลธุรกิจ”

ความจำเป็นในการปฏิรูปองค์กร

เช่นเดียวกับ 2 ปีที่ผ่านมา ซีอีโอราว 4 ใน 10 (42%) เชื่อว่าบริษัทของตนจะไม่สามารถอยู่รอดได้เกินทศวรรษหน้าหากยังดำเนินธุรกิจแบบเดิม โดยในกลุ่มที่คาดว่าจะไม่สามารถอยู่รอดได้หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นั้น 42% ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบมีอิทธิพลมากที่สุดต่อความอยู่รอดทางเศรษฐกิจของบริษัท

แต่ซีอีโอกำลังลงมือทำ โดยในทุกภาคส่วนนั้น เกือบ 2 ใน 3 (63%) ได้ดำเนินการครั้งสำคัญอย่างน้อยหนึ่งครั้ง เพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีการของบริษัทในการสร้าง ส่งมอบ และรับมูลค่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยซีอีโอที่ได้ดำเนินการปฏิรูปมากขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีอัตรากำไรสูงขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

ในขณะที่บริษัทต่าง ๆ กำลังมองหาวิธีปฏิรูปโมเดลธุรกิจ เกือบ 4 ใน 10 (38%) ได้เริ่มแข่งขันในภาคธุรกิจใหม่อย่างน้อยหนึ่งส่วนแล้วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยประมาณ 1 ใน 3 (34%) เปิดเผยว่าภาคธุรกิจใหม่นี้สร้างรายได้ให้บริษัทคิดเป็นสัดส่วนกว่า 20% ในช่วงเวลาดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปยังคงเป็นไปอย่างช้า ๆ และบริษัทส่วนใหญ่ยังขาดความคล่องตัว โดยเมื่อพูดถึงการจัดสรรงบประมาณและบุคลากรระหว่างโครงการและหน่วยธุรกิจนั้น ซีอีโอประมาณครึ่งหนึ่งจัดสรรทรัพยากรทางการเงินและทรัพยากรบุคคลใหม่เพียง 10% หรือน้อยกว่าจากปีต่อปี ขณะที่มากกว่า 2 ใน 3 จัดสรรใหม่ไม่ถึง 20% ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว รายได้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้น มาจากธุรกิจใหม่ที่แตกต่างจากเดิมเพียง 7%

ซีอีโอมองบวกต่อศักยภาพของ GenAI แต่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น

ซีอีโอรายงานผลลัพธ์ที่จับต้องได้จาก GenAI โดยมากกว่าครึ่ง (56%) พบประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานเพิ่มขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และ 1 ใน 3 (32%) มีรายได้เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน้อยกว่าที่คาดหวังไว้เมื่อปีที่แล้วเล็กน้อย โดยในปี 2567 นั้น ซีอีโอ 46% คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น จากนั้นหนึ่งปีต่อมา เมื่อเราถามว่าผลกำไรเพิ่มขึ้นหรือไม่ มีเพียง 34% ที่ตอบว่าใช่ ซึ่งความไว้วางใจใน AI ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการนำไปใช้อย่างแพร่หลาย มีซีอีโอเพียง 1 ใน 3 ไว้วางใจเทคโนโลยีนี้มากพอที่จะนำไปรวมกับกระบวนการสำคัญในบริษัทของตน

แม้จะมีความกังวล แต่ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับผลกระทบของ GenAI ต่อผลกำไรก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยมี 49% คาดว่าจะเห็นผลกำไรเพิ่มขึ้นใน 12 เดือนข้างหน้า ประมาณครึ่งหนึ่ง (47%) คาดว่าจะผสานรวม AI (รวมถึง GenAI) เข้ากับแพลตฟอร์มเทคโนโลยีของตนภายใน 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ 41% วางแผนที่จะผสานรวมเข้ากับกระบวนการทางธุรกิจหลัก และ 30% มีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ

แม้จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ข้อมูลของเรายังไม่พบสัญญาณใด ๆ ที่บ่งชี้ว่าโอกาสการจ้างงานทั่วโลกจะลดลงอย่างกว้างขวางอันเนื่องมาจาก GenAI โดยซีอีโอที่ระบุว่า GenAI ทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นนั้นมีจำนวนมากกว่าที่จ้างงานลดลง (17% เทียบกับ 13%)

Matt Wood ผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยีและนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ (CTIO) ระดับโลกและสหรัฐอเมริกา ของ PwC กล่าวว่า

“ผลสำรวจในปีนี้สะท้อนให้เห็นมุมมองที่พัฒนาขึ้นเกี่ยวกับ GenAI ในองค์กร โดยบรรดาซีอีโอเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการสร้างโอกาสใหม่ ๆ และมีความเชื่อมั่นสูงกว่าปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ตระหนักมากขึ้นถึงความท้าทายที่ต้องเผชิญเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จ พวกเขาตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความไว้วางใจในการออกแบบระบบ AI และในขณะนี้ก็ให้ความสำคัญในการผสานรวมเข้ากับกระบวนการทางธุรกิจหลัก พวกเขาจำเป็นต้องมองเห็นศักยภาพของ GenAI ในการสร้างการเติบโตผ่านผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ และสร้างคุณค่าในรูปแบบใหม่ ๆ ด้วย”

การลงทุนด้านสภาพภูมิอากาศเริ่มเห็นผล

ขณะที่การเปลี่ยนผ่านด้านสภาพภูมิอากาศยังคงส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างต่อเนื่อง บรรดาซีอีโอต่างก็ดำเนินการตอบสนอง เมื่อเราได้สอบถามซีอีโอเกี่ยวกับผลกระทบทางการเงินจากการลงทุนด้านสภาพภูมิอากาศในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้น เราพบว่าการลงทุนเหล่านี้มีแนวโน้มเพิ่มรายได้ (33%) มากกว่าลดรายได้ (5%) ถึง 6 เท่า นอกจากนี้ เกือบ 2 ใน 3 ของซีอีโอรายงานว่าการลงทุนด้านสภาพภูมิอากาศได้ช่วยลดต้นทุนหรือไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อต้นทุนเลย

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายในการริเริ่มการลงทุนด้านสภาพภูมิอากาศ โดยซีอีโอที่ลงทุนในส่วนนี้เปิดเผยว่า ความซับซ้อนของกฎระเบียบเป็นปัจจัยหลัก (24%) ที่ขัดขวางความสามารถของบริษัทในการริเริ่มการลงทุนเหล่านั้น รองลงมาคือผลตอบแทนจากการลงทุนที่น้อยกว่า (18%) หรือการขาดการสนับสนุนจากฝ่ายบริหารหรือคณะกรรมการ (6%)

Carol Stubbings ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ระดับโลกของ PwC กล่าวว่า “การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่ดำเนินมากว่าสามทศวรรษนั้น เริ่มเข้ามาทำลายขอบเขตที่เคยแบ่งแยกระหว่างภาคธุรกิจต่าง ๆ อย่างชัดเจน ในขณะที่ผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านด้านสภาพภูมิอากาศ AI และแนวโน้มสำคัญอื่น ๆ จะเร่งกระบวนการปรับโครงสร้างใหม่ ผลสำรวจนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้นำธุรกิจกำลังเผชิญกับอนาคตด้วยทั้งความหวังในเศรษฐกิจและความเป็นจริงที่ว่า ธุรกิจจำเป็นต้องปฏิรูปรากฐานในการสร้างมูลค่า หากต้องการประสบความสำเร็จในอนาคต”

หมายเหตุ

เกี่ยวกับผลการสำรวจซีอีโอทั่วโลกประจำปี ครั้งที่ 28 ของ PwC

 PwC ดำเนินการสำรวจความเห็นของซีอีโอ 4,701 คนใน 109 ประเทศและดินแดนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึง 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ตัวเลขทั่วโลกและระดับภูมิภาคได้รับการถ่วงน้ำหนักตามสัดส่วนของ GDP ของประเทศ ตัวเลขระดับอุตสาหกรรมและระดับประเทศอิงจากข้อมูลที่ไม่ได้ถ่วงน้ำหนักจากกลุ่มตัวอย่างซีอีโอทั้งหมด 4,701 คน สามารถอ่านผลการวิจัยฉบับเต็มได้ที่ pwc.com/ceosurvey

PWC Logo

เกี่ยวกับ PwC

PwC มุ่งมั่นสร้างความไว้วางใจในสังคมและแก้ปัญหาที่สำคัญ เราคือเครือข่ายบริษัทที่ดำเนินธุรกิจใน 149 ประเทศ และมีบุคลากรกว่า 370,000 คนที่ทุ่มเทให้บริการรับประกัน ให้คำปรึกษา และให้บริการด้านภาษีที่มีคุณภาพ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและแสดงความคิดเห็นได้ที่ www.pwc.com

You may also like

ยก”ญี่ปุ่น”มาใว้ที่นี่ มหกรรมญี่ปุ่นใหญ่สุดในเอเซีย JAPAN EXPO THAILAND 2025

ยก”ญี่ปุ