กำเนิดโลกอธิบายด้วย ศาสนา & วิทยาศาสตร์
“พระเจ้าสร้างโลก” หรือ “Big Bang Theory”
คริสเตียนและอิสลาม อธิบายว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลก แต่มีหลายคนตีความว่าตัวอักษรที่เขียนเอาไว้เป็นการเปรียบเปรย และสามารถเปรียบเทียบเป็นหลักการที่สอดคล้องกับแนวคิดทางวิทยาศาสตร์
พุทธศาสนาไม่ค่อยมีการกล่าวถึงเรื่องกำเนิดโลก แต่เน้นที่ธรรมชาติของการดำรงอยู่เป็นวัฏจักร
สำหรับกำเนิดโลกตามหลักวิทยาศาสตร์ พอจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้
จุดกำเนิดพิภพที่รวมถึงจักรวาลและโลก เป็นไปตาม Big Bang Theory เป็นทฤษฎีที่เป็นที่ยอมรับของนักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน
เมื่อประมาณ 13.8 พันล้านปีก่อน มันไม่มีอะไรเลย ไม่มีดวงดาว ไม่มีดาวเคราะห์ ไม่มีแม้แต่อวกาศหรือเวลา ทันใดนั้น มีจุดเล็กๆ ที่ร้อนมากๆ และหนาแน่นจริงๆ เราเรียกช่วงเวลานี้ว่า “บิ๊กแบง”
จุดเล็ก ๆ นี้เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ขยายตัวและเย็นลง เมื่อเย็นตัวลง เศษเล็กเศษน้อยที่เรียกว่าอนุภาคเริ่มปรากฏขึ้น อนุภาคเหล่านี้รวมกลุ่มกันเพื่อสร้างอะตอมซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของทุกสิ่งที่เราเห็นรอบตัวเรา
เมื่อเวลาผ่านไป อะตอมเหล่านี้รวมตัวกันเพื่อสร้างดาวฤกษ์และกาแล็กซี เช่น ทางช้างเผือกซึ่งเป็นกาแล็กซีบ้านของเรา ดาวเหล่านี้บางดวงมีดาวเคราะห์อยู่รอบๆ เหมือนกับที่ดวงอาทิตย์ของเรามีโลกและดาวเคราะห์อื่นๆ อยู่รอบๆ
บนดาวเคราะห์มากมายเหล่านี้ มีดาวดวงหนึ่ง คือ โลกของเรา โลกมีสภาวะที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มต้นชีวิต สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกัน แต่เป็นเวลาหลายพันล้านปี ในที่สุดรูปแบบชีวิตเล็กๆ ที่เรียบง่ายก็พัฒนาเป็นพืชและสัตว์หลากหลายชนิดที่เราเห็นในปัจจุบัน และแม้แต่มนุษย์ด้วยกันเอง
เราอาจบอกได้ว่า เราทุกคนเกิดจากละอองดาว เพราะอะตอมทั้งหมดในร่างกายของเราครั้งหนึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของดวงดาวที่ก่อตัวขึ้นหลังบิกแบง
แม้จะมีคำอธิบายตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ว่าทุกอย่างเริ่มต้นได้อย่างไร แต่ก็มีคำถามมากมายที่หาเหตุผลได้ยาก เช่น
–จุดเล็กๆเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆได้อย่างไร?
–รูปแบบชีวิตเริ่มแรกมาจากไหน?
การค้นหาคำตอบตามหลักการวิทยาศาสตร์ยังคงมีต่อไป แต่ยังมีเรื่องที่ไม่เข้าใจและหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์ที่มีเหตุผลน่าเชื่อถือได้ยากอยู่มากมาย
การเชื่อตามหลักศาสนา มีคำตอบสำเร็จรูปที่ทำให้ไม่ต้องคิดมากไป!!!
Social Links