ปลดล็อกส่งท้ายปี
กับประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม??
สถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางการเมืองช่วงส่งท้ายปีเก่า 2560 “บิ๊กตู่” ไม่อยากให้นักการเมืองหงุดหงิดต้อนรับปีใหม่ 2561 จึงได้มีคำสั่งของหัวหน้า คสช. ปลดล็อกการเมือง
ปรากฏว่าการปลดล็อกไม่หมดทีเดียว แต่ปลดเป็นระยะๆ โดยอ้างเหตุผลดีๆ เพื่อทุกพรรคการเมืองไม่ว่าพรรคเก่าหรือไหม่สามารถหาเสียงเลือกตั้งได้ทันกำหนดระยะเวลาในการสู้ศึกเลือกตั้งกันที่จะเกิดขึ้นเดือนพฤศจิกายน 2561 ตามสัญญา
แต่ช้าแต่..ทุกพรรคการเมืองเก่าไม่รู้สึกดีตามไปด้วย ก็ประสานเสียงรุมโจมตีการปลดล็อกดังกล่าวว่า เหมือนกับเป็นการเซ็ตซีโร่พรรคการเมือง ไม่ใช่ทำให้พรรคเก่าพรรคใหม่มีความเท่าเทียมกัน ทว่าทำให้พรรคเก่ามีความอ่อนแอ??
ซึ่งการปลดล็อกดังกล่าวมีแผนเลศนัยที่จะให้พรรคที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ยื่นขอจดทะเบียนตั้งพรรคได้แบบปรู๊ดปร๊าดตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2561 ให้ทันเวลา
อ๊ะ อ๊ะ แว่วๆ ได้ยินมาว่าการปลดล็อกที่เป็นขยักๆ นั้นเหมือนกับรอพรรคการเมืองใหม่ที่ คสช.สนับสนุน สามารถลุยศึกชิงอำนาจจากการเลือกตั้งกับพรรคเก่าๆ ได้สบายๆ ??
มาว่าจะจริงหรือเท็จไม่พ้นปลายเดือนมีนาคมหรือเดือนเมษายน 2561 รู้กันแน่!!
อย่างที่รู้ๆ กันแล้วว่าปี 2561 เป็นปีที่จะเริ่มสู่การเลือกตั้งในปลายปี เชื่อว่าความเคลื่อนไหวทางการเมืองก็คงคึกคักเจี๊ยวจ๊าวตามวิถีทางการเมือง บทบาทการแสดงของแต่ละพรรคการเมืองทั้งเก่าและใหม่มีอะไรเด็ดๆ ดีๆ ให้ประชาชนได้รับชมรับฟัง
ส่วนความวุ่นวาย ความขัดแย้งทางการเมืองที่ “บิ๊กตู่” ของเราที่อยากให้ทุกคนพูดจาสร้างสรรค์เป็นของขวัญปีใหม่ 2561สำหรับประเทศไทย!!
ที่แน่ๆ ช่วงเดือนท้ายๆ ที่จะอำลาปี 2560 นั้น ซูเปอร์โพลได้เผยสำรวจความคิดเห็นของประชาชนมาว่า “บิ๊กตู่” เป็นบุคคลที่สุดแห่งปี และเป็นขวัญใจมหาชนคนการเมือง ซึ่ง “บิ๊กตู่” คงต้องยอมรับด้วยความภูมิใจ
ทว่ามีอีกสำนักโพลได้สำรวจความคิดเห็นว่า ไม่เห็นด้วยที่ “บิ๊กตู่” จะนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี สืบทอดอำนาจต่อไปอีก 53% กว่าๆ ส่วนผู้ที่เห็นด้วยมี 46% กว่า ก็ไม่รู้ว่าผลโพลนี้จะทำให้กลุ่มเชียร์ “บิ๊กตู่” รู้สึกยังไง
ที่แน่ๆ “บิ๊กตู่” คงเฉยไว้ก่อน แล้วจะดีเอง??
เนื่องจากความรู้สึกของประชาชนในวันนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ในวันหน้า เพราะการเมืองไม่มีอะไรแน่นอน!!
อย่างไรก็ตาม ใกล้ส่งท้ายปีเก่า 2-3 เดือน ก็มีข่าวดีจากเมืองนอกเมืองนามาถึงประเทศไทยที่ “บิ๊กตู่” รับรู้ด้วยความชื่นใจที่สามารถเอ่ยอ้างถึงผลงานในการบริหารชาติบ้านเมืองมา 3 ปีกว่าๆ
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวประเทศไทยกันมากมายมีจำนวนถึง 20.19 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากจำนวน 19.41 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว
กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุทธยามหาดิลกภพ นพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ ที่เป็นชื่อเมืองซึ่งกินเนสส์บุ๊กได้บันทึกว่ายาวที่สุดในโลก ก็ได้รับการจัดอันดับเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวมากที่สุดในโลก ครองแชมป์เป็นปีที่ 2 จากการผลสำรวจของมาสเตอร์การ์ด
นอกจากนี้ เรื่องการส่งออกปี 2560 คงทำให้ “บิ๊กตู่” ปลื้มไปอีก เพราะทำสถิติส่งออกสูงสุด โดยกระทรวงพาณิชย์ได้เปิดเผยตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายน มีมูลค่าทั้งสิ้น 216,953 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 10%
การส่งออกของไทยตั้งแต่ต้นปีมาได้โตขยายตัวดีในทุกตลาด ซึ่งตลาดเอเชียใต้ ขยายตัวสูงสุดในรอบ 79 เดือน และตลาดอาเซียน ขยายตัวสูงสุดในรอบ 21 เดือน
ที่สำคัญก็คือ สินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวติดต่อกัน 13 เดือน และสินค้าเกษตรอื่นๆ ก็ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “ข้าว” ที่มีปริมาณส่งออกถึง 1.5 ล้านตัน สูงสุดในประวัติศาสตร์ทีเดียว
ข่าวดีๆ อีกข่าวที่ทำให้ “บิ๊กตู่” คุยอวดได้ตลอดเวลา ก็คือผลการจัดอันดับยากง่ายในการทำธุรกิจปี 2560 ของธนาคารโลก ปรากฏว่าได้รับการจัดอันดับดีขึ้นแบบก้าวกระโดดถึง 20 อันดับจากที่ 46 ปีที่แล้วมาเป็นที่ 26 ในปีนี้ อยู่ในอันดับ 3 ของเอเชีย รองจากประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย
ล่าสุด ธนาคารโลกก็ได้เปิดเผยผลสำรวจว่าประชาชนคนไทยเริ่มจะหลุดเส้นแห่งความยากจน กำลังก้าวสู่ความมั่งคั่ง
ทางด้านปัญหาการเมืองที่มีการส่งสัญญาณดีๆ มาให้ “บิ๊กตู่” ได้ดีใจ เพราะรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มสหภาพยุโรปหรืออียู เตรียมที่จะฟื้นความสัมพันธ์ทางการเมืองกับไทยหลังจากที่มึนตึงเหินห่างตั้งแต่ “บิ๊กตู่” ได้ยึดอำนาจ
พร้อมทั้งเชื่อมั่นในตัว “บิ๊กตู่” ว่าจะทำตามสัญญาของโรดแมปที่จะให้มีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561!!
และก็เป็นความเชื่อมั่นของประชาชนทั้งประเทศไทยเช่นกันว่าจะมีเลือกตั้งปลายปี 2561 ยกเว้นนักการเมืองที่ยังไม่ปักใจเชื่อเท่าไหร่นัก!?!
เราๆ ท่านๆ ก็ต้องติดตามชมกันให้ถึงวันนั้นว่า “บิ๊กตู่” จะทำลายความเชื่อมั่นของนานาชาติและคนไทยในประเทศหรือไม่??
มีประเด็นที่น่าขบคิดจากคำพูดของ “บิ๊กตู่” ที่พูดถึง “ประชาธิปไตย” ทั่วโลกตามหนังสือของฝรั่งเป็นผู้เขียนวิเคราะห์ไว้ว่า ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่าน ประชาชนของแต่ละประเทศออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งน้อยลงอย่างต่อเนื่อง
แม้แต่สหรัฐอเมริกาเคยมีคนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเกือบร้อยละ 90 ในปี 2535 พอมาถึงในปี 2553 ลดลงมาเหลือประมาณร้อยละ 66 หรือแม้แต่ประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี คนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งน้อยลงเช่นกัน
“บิ๊กตู่” อ่านแล้วก็คิดตามแล้วก็สรุปว่า “ประชาธิปไตยในรูปแบบของสภาผู้แทนราษฎร” นั้น อาจหมดสมัยไปแล้ว กลายเป็นยุค “ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม” !!
แต่ “บิ๊กตู่” ได้พูดออกตัวว่า การวิเคราะห์ของฝรั่งจะผิดจะถูกอย่างไรก็ไปคิดกัน ประชาธิปไตยของเราก็ต้องมาคิดดูว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคต!?!
รูปแบบประชาธิปไตยที่เป็นแบบ “ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม” นั้น ก็ขออนุญาตคิดตีความได้ว่าอาจคล้ายๆ กับประชาธิปไตยของประเทศไทยตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ต้องมี ส.ว.มาจากการแต่งตั้งเข้ามามีส่วนร่วม
และต้องมีผู้บัญชาการทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ทหารสูงสุด ตำรวจ และปลัดกลาโหมเข้าร่วมเป็นประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมตามโควตาที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ
เชื่อว่าที่ขาดไม่ได้ก็คือ ต้องมีการ “ยึดอำนาจรัฐประหาร” ของกองทัพเข้ามามีส่วนร่วมซ่อมแซมประชาธิปไตยตามโอกาสของสถานการณ์บ้านเมืองที่เปิดทางให้ทำ??
ใครจะคิดเห็นตีความเป็นอย่างอื่น ก็คิดได้ตามสบายแบบมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นต่าง!?!
หวังว่าจะมีความเห็นต่าง “การมีส่วนร่วม” อย่างสร้างสรรค์ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2561ให้แก่ “บิ๊กตู่” นะ!!
นายจักรยาน
Social Links