Taxi ป้ายแดงเปลี่ยนเป็น BEV มากขึ้น หลังมีปัญหาต้นทุนและหาปั๊มยาก ฉุดส่วนแบ่ง Taxi รูปแบบอื่นลดลง 

Taxi ป้ายแดงเปลี่ยนเป็น BEV มากขึ้น หลังมีปัญหาต้นทุนและหาปั๊มยาก ฉุดส่วนแบ่ง Taxi รูปแบบอื่นลดลง 

Taxi ป้ายแดงเปลี่ยนเป็น BEV มากขึ้น

หลังแบบเดิมมีปัญหาต้นทุนและหาปั๊มยาก

ฉุดส่วนแบ่ง Taxi รูปแบบอื่นลดลง 

   ตลาด Taxi ไฟฟ้า (BEV) เติบโตขึ้นทุกขณะ โดยปี 2567 นี้ ส่วนแบ่งน่าจะสามารถพุ่งไปอยู่ที่ 49% ของยอดจดทะเบียน Taxi ใหม่ทั้งตลาดที่คาดว่าจะมี 3,300 คันได้

ในทางกลับกัน Taxi NGV คาดส่วนแบ่งลดเหลือ 15% จากปัญหาต้นทุนที่สูงกว่าและการหาปั๊มเติมยาก ขณะที่ Taxi LPG แม้ราคาแก๊สเพิ่มเช่นกัน แต่ปริมาณปั๊มที่ยังมาก ทำให้ยังเป็นทางเลือกแก่กลุ่มที่ยังไม่พร้อมหรือกังวลเรื่องเทคโนโลยีใหม่

ในขณะที่ปริมาณ Taxi สะสมในกรุงเทพฯทยอยลดลงหลังการมาของโครงข่ายรถไฟฟ้าที่ทำให้ผู้คนเดินทางสะดวกมากขึ้น เรากลับพบว่าปริมาณ Taxi ไฟฟ้า (BEV) บนท้องถนนนั้นเร่งตัวขึ้น แม้จะยังมีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับทั้งตลาด (ยอดจดทะเบียน Taxi ไฟฟ้า สะสมอยู่ที่ 1,211 คัน ณ 30 มิถุนายน 2567 จากทั้งตลาดที่ 75,184 คัน) (รูปที่ 1)

ซึ่งในปี 2567 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าการซื้อ Taxi ใหม่ เพื่อทดแทนคันเก่าที่หมดอายุในพื้นที่กรุงเทพฯน่าจะเป็น Taxi ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ด้วยอาจมีส่วนแบ่งสูงถึง 49% ของตลาด Taxi ป้ายแดงที่คาดว่าจะมีทั้งหมดราว 3,300 คัน ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของ Taxi ที่ใช้พลังงานขับเคลื่อนรูปแบบอื่น เช่น น้ำมัน แก๊ส LPG และแก๊ส NGV รวมกันลดเหลือเพียง 51% จากเดิมอยู่ที่ 86% ในปี 2566 (รูปที่ 2)  

สำหรับสาเหตุหลักที่ Taxi ไฟฟ้าเติบโตขึ้นมากคาดว่ามาจากต้นทุนของทั้งฝั่งคนขับ Taxi และฝั่งผู้ประกอบการให้เช่า Taxi นั้นถูกลงกว่าการใช้ Taxi ที่เป็นพลังงานรูปแบบเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกรณี Taxi ส่วนบุคคลที่เป็น Taxi ไฟฟ้า ต้นทุนต่อวันก็จะถูกลงอีกมาก เนื่องจากสามารถชาร์จไฟจากที่พักอาศัยได้เลยในระดับเดียวกับค่าไฟบ้าน (รูปที่ 3,4)

นอกเหนือจากประเด็นเรื่องต้นทุนแล้ว ความไม่สะดวกในการหาปั๊มเติมแก๊สก็เป็นอีกประเด็นสำคัญ หลังมีสัญญาณการทยอยปิดตัวลงของปั๊มแก๊ส จากการที่ราคาแก๊สทั้ง NGV และ LPG ปรับเพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งแม้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการมาของ Taxi ไฟฟ้า แต่ก็มีผลทำให้ Taxi กลุ่มพลังงานอื่น โดยเฉพาะ NGV อาจเติบโตได้ลำบากขึ้นในอนาคตจากความไม่สะดวกดังกล่าว (รูปที่ 5)

ตรงกันข้าม ในฝั่งของ Taxi ไฟฟ้า แม้ราคาชาร์จไฟจะเพิ่มขึ้น แต่จำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้าที่เร่งขึ้นมากและจะเพิ่มขึ้นต่อในอนาคต ทำให้ปัญหาเรื่องการหาที่ชาร์จไฟมีแนวโน้มลดลง (รูปที่ 6)

มองไปข้างหน้า การซื้อ Taxi ใหม่ที่เป็นไฟฟ้ามีโอกาสเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกที่เหนือกว่า Taxi กลุ่มอื่น โดยเฉพาะ Taxi NGV ที่การซื้อเพิ่มน่าจะลดลงเรื่อยๆ ทำให้ส่วนแบ่งตลาดในอนาคตคาดว่าจะลดลงอีกจากปีนี้ที่มีอยู่เพียง 15% (ปี 2566 Taxi NGV มีส่วนแบ่งตลาดที่ 31%) ทั้งจากปัญหาราคาแก๊ส NGV ที่อาจถูกปล่อยให้ลอยตัวในอนาคตและปริมาณปั๊มแก๊สที่อาจลดลงอีก

ในอนาคตจึงอาจเหลือเพียง Taxi LPG ที่น่าจะยังพอไปต่อได้สำหรับ Taxi ที่ใช้พลังงานอื่น แม้ต้นทุนราคา LPG จะสูงกว่า Taxi ไฟฟ้า เช่นกัน แต่การหาปั๊มแก๊ส LPG เพื่อเติมพลังงานยังสะดวกกว่าปั้มแก๊ส NGV มาก ซึ่งก็จะเหมาะกับผู้ประกอบการ Taxi ที่ยังไม่มั่นใจหรือพร้อมกับการเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี BEV

อย่างไรก็ดี การขยายตัวของ Taxi ไฟฟ้า จะรุดหน้าต่อเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนสถานีชาร์จสาธารณะ การจัดหาอะไหล่และการซ่อมบำรุง ซึ่งมีผลต่อความเชื่อมั่น โดยเฉพาะกลุ่มคนขับแท๊กซี่แบบเช่าที่ไม่ต้องการให้มีอะไรมาเป็นอุปสรรคต่อการหารายได้ประจำวัน นอกจากนี้ สำหรับธุรกิจให้เช่า Taxi กับกลุ่มคนขับ Taxi ที่เป็นเจ้าของรถเอง อาจมีประเด็นเพิ่มเติมอย่างค่าซ่อมที่ควบคุมไม่ได้แต่กลับมีมูลค่าซ่อมสูงอย่างอุบัติเหตุที่มีผลต่อแบตเตอรี่ เป็นต้นด้วย

 

 

You may also like

คปภ.เดินหน้า! เปิดเวทีสัมมนาวิชาการด้านประกันภัย ประจำปี 2567 “Thailand Insurance Symposium 2024”

 นายชูฉั